นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภายใต้โครงการ “ธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน” ระหว่าง 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ Big C ว่า รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชน และธุรกิจ SME มีความสามารถในการแข่งขัน เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากล่างสู่บน ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ของชาติในการเป็นประเทศที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป้าหมายเพื่อให้ประชาชนคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี กินดี มีสุข ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของโครงการ “ธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน” ในวันนี้
“โครงการธุรกิจไทยโตไปด้วยกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชนที่มีคุณภาพของไทยได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้า OTOP สินค้า GI หรือสินค้าของ SME ที่มีแหล่งผลิตในท้องถิ่นได้มีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้กว้างไกลและก้าวทันโลก ทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ประกอบการมีโอกาสมากขึ้นย่อมนำมาซึ่งความรู้ใหม่ๆ และเกิดความเข้าใจในการผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศ ที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล ซึ่งโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริงสอดรับกับนโยบายด้านการส่งเสริมภาคธุรกิจของรัฐบาล โดยโครงการนี้จะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจของไทยสามารถเข้าถึงช่องทางการตลาดและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มบริษัทบิ๊กซีมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ สามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ SME ที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกัน และที่สำคัญกลุ่มบริษัทบิ๊กซีมีการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยสนับสนุน SME ของประเทศให้เติบโตด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างผู้ประกอบการทุกระดับให้มีศักยภาพ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0 ของประเทศไทยให้เป็นจริง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายอัศวิน เตซะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางบิ๊กซีมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมุ่งมั่นซึ่งการเป็น “ห้างคนไทยหัวใจคือลูกค้า” ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกเคียงคู่สังคมไทย โดยบิ๊กซีพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจ SME ที่จะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน ได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายผ่านบิ๊กซีที่มีความหลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศและต่างประเทศ และยังส่งเสริมและผลักดันการส่งออกสู่ต่างประเทศซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของ Regional Advisor ประจำภูมิภาคอาเซียน และยังเป็นแนวทางที่สอดรับกับภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริม สนับสนุนรวมถึงพัฒนาศักยภาพและพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการไทยให้มีความเข้มแข็ง
สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อยกระดับและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยระหว่างบิ๊กซีและ 5 กรมหลักในครั้งนี้ บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดโดยตรงแก่ผู้ประกอบการไทยได้อย่างแท้จริง อีกทั้งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เป็นไปตามแผนยุทธศาตร์ของชาติรวมถึงยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ให้สัมฤทธิ์ผลและเป็นจริงได้ นอกจากนี้ บิ๊กซียังจัดให้มีงานมหกรรม Big C Big Success ธุรกิจไทย โตไปด้วยกัน โดยเป็นการจับคู่ธุรกิจไทยให้ผู้ประกอบการได้พบปะ นำเสนอสินค้า รวมถึงออกบูทภายในงาน และยังมีโอกาสได้ พบนวัตกรรมที่ไม่เคยเห็น เรียนรู้จากผู้รู้จริง และกระทบไหล่นักธุรกิจพันล้าน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม 2560 ณ บิ๊กซี สาขารังสิต 2 (โซนอะคาเดมี่)
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี