TCDC พร้อมเปิดฐานข้อมูลวัสดุไทยออนไลน์หนุน SME เข้าถึงวัตถุดิบสุดครีเอทีฟ




    ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)  เปิดฐานข้อมูลวัสดุไทย (TCDC Materials Database) ฐานข้อมูลวัสดุและนวัตกรรมภูมิปัญญาของคนไทย หนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลวัสดุ ให้สามารถดำเนินธุรกิจสร้างสรรค์ได้อย่างมีศักยภาพ 

     ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการส่งออกวัสดุเพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกจำนวนมาก อาทิ 1. ผลิตภัณฑ์แผ่นมาส์กหน้าจากน้ำมะพร้าว โดยบริษัท พีไอพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตแผ่นมาส์กไบโอเซลลูโลสให้กับแบรนด์เวชสำอางค์ชื่อดัง 2. ผลิตภัณฑ์สิ่งทอไหมไทย โดยบริษัท จุลไหมไทย จำกัด ผู้ผลิตเส้นไหมส่งออกให้กับแบรนด์เสื้อผ้าจากสวีเดน และ 3. ผลิตภัณฑ์ผ้าใยกัญชง โดยบริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟท์ จำกัด ผู้ผลิตผ้าใยกัญชงส่งออกให้กับแบรนด์รองเท้าผ้าใบชื่อดังจากอเมริกาและแบรนด์เครื่องหนังระดับโลกจากฝรั่งเศส  ฯลฯ 

     นายกิตติรัตน์ ปิติพานิช รักษาการผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กล่าวว่า ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ได้รวบรวมฐานข้อมูลวัสดุไทย (TCDC Materials Database) ฐานข้อมูลวัสดุและนวัตกรรมภูมิปัญญาของคนไทย ที่มีรายละเอียดผลงาน และข้อมูลการติดต่อกับผู้ผลิต เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบสามารถเข้าถึงข้อมูลวัสดุไทยอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้และเป็นช่องทางการตลาด สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยผู้สนใจสามารถใช้บริการและสืบค้นข้อมูลวัสดุโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่ http://materials.tcdc.or.th 

     ทั้งนี้ ฐานข้อมูลออนไลน์ดังกล่าวประกอบไปด้วยรายละเอียดข้อมูลวัสดุไทย รายละเอียดผู้ผลิตและช่องทางการติดต่อ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามประเภทของวัสดุและการใช้งาน อาทิ พลาสติกชีวภาพ เซรามิก กระดาษ บรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ฯลฯ ทั้งนี้ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้รวบรวม 3 ตัวอย่างผู้ประกอบการจากฐานข้อมูลห้องสมุดวัสดุที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ดังระดับโลก ดังนี้ 

     1. ผลิตภัณฑ์แผ่นมาส์กหน้าจากน้ำมะพร้าว โดยบริษัท พีไอพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตแผ่นมาส์กหน้าด้วยนวัตกรรมด้านชีวภาพ ส่งออกจำหน่ายให้กับแบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก โดยเป็นแผ่นมาส์กหน้าเส้นใยชีวภาพที่มีความละเอียดกว่าเส้นใยกระดาษ 500 เท่า ทำจากน้ำมะพร้าวแก่เหลือใช้นำมาต้มสุกหยอดด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่พัฒนามาโดยเฉพาะ ทิ้งไว้จนจับตัวกลายเป็นแผ่นวุ้นและนำไปผ่านกระบวนการรีดน้ำออกให้บาง จุดเด่นของแผ่นมาส์กเส้นใยชีวภาพคือสามารถกักเก็บสารบำรุงไว้ในเนื้อมาส์กได้มากกว่าจึงสามารถปลดปล่อยเข้าสู่ผิวผู้ใช้ได้มากกว่า แผ่นมาส์กที่ทำจากกระดาษทั่วไปถึง 300 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัท พีไอพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทยที่ผลิตแผ่นมาสก์ไบโอเซลลูโลสตั้งแต่ปี 2550 และได้รับรางวัลนวัตกรรมจากรัฐบาลเกาหลีใต้ซึ่งต่อมาได้ต่อยอดเป็นช่องทางในการส่งออกแผ่นมาสก์ให้กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลายแบรนด์ โดยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 2.5 ล้านแผ่นภายใน 3 ปีหลังการเปิดตลาด

     2. ผลิตภัณฑ์ส่งทอไหมไทย โดยบริษัท จุลไหมไทย จำกัด ผู้ผลิตเส้นไหมรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยส่งออกให้กับแบรนด์เครื่องนุ่งห่มแฟชั่น ทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินกิจการมากว่า 5 ทศวรรษ 70 เปอร์เซ็นต์ ของกำลังการผลิตในประเทศป้อนให้กับผู้ผลิตผ้าไหมชื่อดังประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์ส่งออกไปญี่ปุ่น จีน อินเดีย และยุโรป ด้วยเอกลักษณ์ของเส้นไหมออร์แกนิคซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ประกอบกับการผสมไหมพันธุ์ไทยเพื่อให้ได้เส้นไหมที่มันเงาที่สุดและทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดี ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นดังกล่าวจึงทำให้แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกจากสวีเดนติดต่อเข้ามาเป็นคู่ค้ายาวนานกว่า 6 ปี สร้างมูลค่ากว่า 26 ล้านบาทต่อปี

     3. ผลิตภัณฑ์ผ้าใยกัญชง หรือผ้าเฮมพ์ โดยบริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟท์ จำกัด ผู้ผลิตผ้าเฮมพ์ พืชวัฒนธรรมของชาวม้ง โดยนำใยจากเปลือกมาปั่นทำเป็นเส้นด้ายแล้วทอเป็นผืนผ้า ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือแข็งแรงกว่าฝ้ายถึง 10 เท่า ไม่มีเชื้อรา ไม่เก็บกลิ่นอับชื้น ระบายความชื้นและระบายความร้อนได้ดี โดยได้เป็นวัสดุส่งออกให้กับแบรนด์รองเท้าผ้าใบชื่อดังจากอเมริกาและแบรนด์เครื่องหนังระดับโลกจากฝรั่งเศส จนสามารถขยายตลาดส่งออกต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากเฮมพ์ ที่ผลิตโดยบริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟท์ จำกัด มีทั้งหมดกว่า 20 รายการ อาทิ ผ้าผืนเฮมพ์100% ใยเฮมพ์ กระเป๋า หมวก รองเท้า โดยมีตลาดหลักที่ญี่ปุ่นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และจำหน่ายในประเทศไทยประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

     จากตัวอย่าง 3 ผู้ประกอบการข้างต้น สะท้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ประกอบการไทยที่เน้นการส่งออกวัสดุให้กับต่างชาติเพื่อผลิตสินค้าเป็นหลัก ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุที่มีคุณภาพเหล่านั้นได้รับความเชื่อถือจากผู้ประกอบการหลากหลายแบรนด์ดังระดับโลก ฉะนั้นแล้วผู้ประกอบการในประเทศไทยเองควรหันมาให้ความสนใจ และศึกษาอย่างละเอียดถึงวัสดุสร้างสรรค์ที่สามารถผลิตขึ้นมาในประเทศไทย และหาวิธีประยุกต์ สร้างสินค้าที่มีทั้งคุณค่าและมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ http://materials.tcdc.or.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501 โทรศัพท์ 02-105-7441

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน