ย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้ชื่อแบรนด์ “ขนมขบคิด” ได้เปิดตัวพร้อมกับจุดยืนการเป็นขนมเพื่อสุขภาพ และล่าสุดยังได้ต่อยอดแบรนด์อาหาร Think good ขึ้นมาเจาะตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพที่ชัดเจนขึ้น
วรกร เลาหเสรีกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟาร์มคิดดี จำกัด และบริษัท ขนมขบคิด จำกัด เปิดเผยถึงผลตอบรับในช่วงเวลาสองปีในการออกสู่ตลาดของแบรนด์ขนมคบคิดว่า ถึงแม้ตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพจะมาแรง แต่ผู้บริโภคคนไทยยังให้ความสำคัญกับรสชาติก่อนเรื่องสุขภาพ ส่งผลให้ไม่สามารถขยายตลาดได้ ทำให้เขาต้องหันมาปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่ ที่ผลิตภัณฑ์จะต้อง “ครบเครื่อง” มากขึ้นกว่าเดิม
โดยยังคงเน้นคุณค่าของอาหารมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่รสชาติเป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาตามมาเป็นอันดับสอง ดังนั้น เพื่อให้รสชาติโดดเด่นเป็นที่ถูกใจลูกค้า ทั้งกระบวนการผลิตและวัตถุดิบจะต้องเปลี่ยนแปลงจากระบบเดิมที่ใช้อยู่ มีการพลิกแพลงส่วนผสมอย่างอื่นเข้ามาเพิ่มเติม นอกจากการใช้ข้าวไทยที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
โดยยังคงเน้นคุณค่าของอาหารมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่รสชาติเป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาตามมาเป็นอันดับสอง ดังนั้น เพื่อให้รสชาติโดดเด่นเป็นที่ถูกใจลูกค้า ทั้งกระบวนการผลิตและวัตถุดิบจะต้องเปลี่ยนแปลงจากระบบเดิมที่ใช้อยู่ มีการพลิกแพลงส่วนผสมอย่างอื่นเข้ามาเพิ่มเติม นอกจากการใช้ข้าวไทยที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
วรกรจึงปรับโจทย์วิธีคิดของเขา โดยการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพประเภทดัชนีน้ำตาลต่ำที่เรียกว่า Low GI เพื่อตอบสนองเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน
“จากการที่เราโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดขึ้น ทำให้ฐานลูกค้าเราขยายขึ้น มีการคาดการณ์ว่าอนาคตภายในปี 2563 คนไทยจะป่วยด้วยโรคเบาหวาน 8.2 ล้านคน เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรของประเทศไทย ทำให้เราเห็นว่าตลาดไม่ได้แคบลง
ในขณะเดียวกัน เราไม่ได้โฟกัสเรื่องเบาหวานอย่างเดียว ยังมีงานวิจัยที่ทำสูตรจบไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกเป็นตัวโปรดักต์ เช่น ขนมปังสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง พอเราพูดถึงว่าเป็นอาหารสำหรับคนเป็นเบาหวานหรือเป็นมะเร็ง อาจจะมองว่ากลุ่มลูกค้าเล็กลง แต่จริงๆ แล้วอาหารพวกนี้ทุกคนรับประทานทานได้ เพราะมันดีขนาดคนที่เจ็บป่วยรับประทานแล้วไม่เป็นอะไร แล้วทำไมคนที่ไม่ป่วยจะรับประทานไม่ได้”
ในขณะเดียวกัน เราไม่ได้โฟกัสเรื่องเบาหวานอย่างเดียว ยังมีงานวิจัยที่ทำสูตรจบไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกเป็นตัวโปรดักต์ เช่น ขนมปังสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง พอเราพูดถึงว่าเป็นอาหารสำหรับคนเป็นเบาหวานหรือเป็นมะเร็ง อาจจะมองว่ากลุ่มลูกค้าเล็กลง แต่จริงๆ แล้วอาหารพวกนี้ทุกคนรับประทานทานได้ เพราะมันดีขนาดคนที่เจ็บป่วยรับประทานแล้วไม่เป็นอะไร แล้วทำไมคนที่ไม่ป่วยจะรับประทานไม่ได้”
วรกรตั้งเป้าวางแผนทำตลาดสินค้าเพื่อให้คนทั่วไปรู้จัก เริ่มจากการลดราคาให้ต่ำลง และลดขนาดหีบห่อเพื่อให้สะดวกในการซื้อ ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้มองว่าเป็นการลดคุณภาพ นอกจากนี้ ยังเน้นกระจายสินค้าตามระบบการค้าปลีกอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ โดยวาง Positioning จับกลุ่มลูกค้า B+ แต่ราคาแค่ระดับ B เพราะต้องการที่จะทำสินค้าเพื่อให้คนทุกคนเข้าถึงได้ โดยไม่ลืมหัวใจสำคัญอย่างสุขภาพของผู้บริโภค
“ในอนาคตเราจะออกขนมแบรนด์ใหม่ชื่อว่า Think Good ประกาศจุดยืนว่าเราจะคิดดี เราจะทำอาหารเพื่อให้คนที่รับประทานอาหารของเราแล้วใช้ชีวิตที่ดีขึ้น อาหารคือไลฟ์สไตล์ของคุณ แบรนด์ Think Good ของเราจะชัดเจนขึ้น โดยจะเจาะลึกลงไปและพูดถึงข้อมูลที่เป็นเชิงวิชาการมากขึ้น ที่ผ่านมาเรากลัวว่าคนไทยจะรับได้ไหม จะหนักเกินไปหรือเปล่า แต่ความจริงคนไทยที่เป็นลูกค้าอาหารเพื่อสุขภาพเขารู้มากกว่าเราอีก ตอนนี้ผมจึงต้องบอกทุกอย่างที่เรารู้แก่ผู้บริโภค”