สสว.-หอการค้าไทย จับมือประกาศความสำเร็จ 3 โครงการสร้างรายได้ให้ SME กว่าพันล้านบาท




    สสว.จับมือหอการค้าไทย ยกระดับความสามารถ SME ไทย ประกาศความสำเร็จผ่าน 3 โครงการใหญ่ทั้ง โครงการสนับสนุน SME รุ่นใหม่ให้เข้มแข็ง, โครงการเตรียมความพร้อมรองรับ AEC และโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ พบสร้างรายได้ให้แก่ SME ที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 1 พันล้านบาท

​     นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จำนวน 3 ล้านราย การพัฒนาส่งเสริม SME ที่มีจำนวนมากขึ้น ให้มีสินค้าหรือบริการเป็นที่ต้ องการของตลาดจนสามารถเติบโตได้อ ย่างยั่งยืน จำเป็นต้องทำร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในภาครัฐและภาคเอกชน

     สสว.ได้ปฏิบัติตามแนวทางประชารัฐร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับและพัฒนา SME โดยการดำเนิน 3 โครงการ 4 กิจกรรม ตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 – เดือนสิงหาคม 2560 ได้แก่ 1. โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 2. โครงการ Innovative Packaging for SME และ 3. โครงการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อรองรับ AEC ปรากฎว่า มีผู้ประกอบการ SME ขนาดเล็ก เข้าร่วมโครงการรวม 731ราย สร้างรายได้ให้แก่ SME จำนวน 1,075.60 ล้านบาท ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เป็นรูปธรรมและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง

     นอกจากนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรที่มีเครือข่ายสมาชิกนักธุรกิจครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่เป็นสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้ทางวิชาการ และสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการที่ดีในอนาคต ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการนำแผนของภาครัฐมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมสามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง และเป็นที่เชื่อถือของสาธารณชน

     นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยหอการค้าไทยประเมินว่า ทั้งปี 2560 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.5-4.0 และแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น แต่สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ตลาด ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับบทบาทของเทคโนโลยีและดิจิตอลที่ทวีความสำคัญ ได้ส่งผลต่อโลกธุรกิจทั้งการสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น อย่างธุรกิจ E-Commerce ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความท้าทายให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ที่จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อม สำหรับการปรับตัวกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะเปลี่ยนไป การค้าจะเป็นแบบไร้พรมแดน (Borderless) โดยค้าขายบน Smart Trade Platform ในขณะที่การเกษตรจะเป็นเกษตรสมัยใหม่ มีการเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม ส่วนภาคบริการจะทวีความสำคัญมากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของประเทศ 

     ​“หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการส่งเสริม และพัฒนา SME โดยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริม SME ผ่านศูนย์ TCC SMART Center (TSC) ซึ่งจะมุ่งเน้นการให้บริการเชิงรุก เข้าถึงง่ายและจับต้องได้จริง เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการ 4.0 ให้สมาชิกสามารถนำข้อมูล นวัตกรรม และมาตรฐาน ไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดความรู้และประสบการณ์ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการทุกระดับ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ และแนวทางการน้อมนำหลักเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ”

     นายพลิษศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับสสว. จัดทำกิจกรรมโครงการทั้งหมด 3 โครงการ 4 กิจกรรม ซึ่งได้เริ่มดำเนินกิจกรรมมาตั้ งแต่กันยายน 2559 ถึงสิงหาคม 2560 โดยโครงการแรก คือ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มีจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 467 ราย สามารถบ่มเพาะเชิงลึกในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ โดยหลังการเข้าร่วมโครงการประมาณ 70%ของผู้ประกอบเข้าร่วมทั้งหมด สามารถทำบลูพริ้น นำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในธุรกิจของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเครือข่ายของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เข้มแข็ง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การประกอบธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

     โครงการที่สอง Innovative Packaging for SMEs ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์เชิงลึกให้กับผู้ประกอบการจนสามารถพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Artwork) รูปแบบใหม่ตามที่ต้องการได้ ซึ่งจำนวน SME เข้าร่วมทั้งสิ้น 112 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกอีก 32 ราย ได้ต่อยอดการพัฒนาการพัฒนาจนสามารถสร้างเป็นบรรภัณฑ์ต้นแบบไปใช้ ได้ในธุรกิจจริง

     โครงการที่สาม คือ โครงการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อรองรับ AEC ซึ่งประกอบด้วย 2 กิจกรรม โดยกิจกรรมแรก “AEC and SMEs Challenges: Next Steps–Business Matching มุ่งเน้นพัฒนาและสร้างเครือข่ายธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SME ของไทย โดยนำคณะผู้ประกอบการจำนวน 95 บริษัท เดินทางร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ กับผู้ประกอบการกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ 3 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว และ เมียนมา ทำให้เกิดการเจรจาธุรกิจทั้งสิ้น 575 คู่ และสร้างรายได้ให้กับ SME ไทย 575.6 ล้านบาท

     กิจกรรมที่สอง เป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเพื่อมุ่งสู่ AEC (Big Brother 50) กิจกรรมนี้มีรูปแบบกิจกรรมเป็นแบบบริษัทพี่ช่วยบริษัทน้อง โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อเพิ่มทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจและสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเชื่อมโยงในการดำเนินธุรกิจระหว่างธุรกิจขนาดย่อม (บริษัทน้อง) จำนวน 57 ราย และธุรกิจขนาดใหญ่ (บริษัทพี่) จำนวน 14 ราย โดยบริษัทน้องได้รับ Coaching กระบวนการธุรกิจตลอด Value Chain จากบริษัทพี่ จนสามารถนำไปสู่การขยายตลาดจากท้องถิ่นสู่อาเซียนและสู่ตลาดโลก โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่บริษัทน้องเข้าร่วมบ่มเพราะธุรกิจภายใต้โครงการ สามารถพัฒนาตัวเองและสร้างรายได้ ให้แก่ SME เข้าร่วมได้กว่า 500 ล้านบาท

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน