กระทรวงพาณิชย์ปลดล็อค 19 ธุรกิจออกจากบัญชีสามท้ายพ.ร.บต่างด้าวฯ มีผลให้นักธุรกิจต่างชาติไม่ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจอีกต่อไป ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2560 คาดดึงทุนต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ สร้างสภาพแวดล้อมที่น่าลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร และธุรกิจพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เติบโต พร้อมปักหมุดไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของอาเซียนตามนโยบายรัฐบาล
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ปลดล็อค19 ธุรกิจ โดยถอดออกออกจากบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตามกฎกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร และธุรกิจพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติลดภาระค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และลดความยุ่งยากซ้ำซ้อนในการขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐ ก่อให้เกิดความรวดเร็วและความคล่องตัวด้านการประกอบธุรกิจในประเทศไทย สร้างสภาพแวดล้อมการประกอบธุรกิจช่วยดึงดูดเงินทุนและผู้มีความสามารถจากต่างประเทศให้สนใจเข้ามาลงทุนส่งเสริมในการพัฒนาประเทศมากขึ้น
โดยธุรกิจที่ได้ถอดออกทั้ง 19 รายการแบ่งเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ 1) ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องหรือจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน (14 ธุรกิจ) เช่น การเป็นตัวแทนของสถาบันการเงิน การนำอสังหาริมทรัพย์ออกให้เช่า เป็นต้น 2) ธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ 3) ธุรกิจบริการเป็นสำนักงานผู้แทนของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ 4) ธุรกิจบริการเป็นสำนักงานภูมิภาคของนิติบุคคลต่างประเทศในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ 5) ธุรกิจบริการที่มีส่วนราชการเป็นคู่สัญญา และ 6) ธุรกิจบริการที่มีรัฐวิสาหกิจเป็นคู่สัญญา
สำหรับ ‘ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันการเงิน’ ที่ถอดออกจากบัญชีในครั้งนี้เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการส่งเสริมการแข่งขันในภาคธุรกิจบริการธนาคารพาณิชย์ และเป็นกิจกรรมที่ธนาคารพาณิชย์ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพในการให้บริการมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการลงทุนของประเทศในระยะยาว
ส่วน ‘ธุรกิจบริการเป็นสำนักงานผู้แทนและสำนักงานภูมิภาคของนิติบุคคลต่างประเทศ’ เป็นการให้บริการแก่สำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ ในการหาแหล่งจัดซื้อสินค้าหรือบริการในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ และสำหรับ ‘ธุรกิจที่คนต่างด้าวเป็นคู่สัญญากับส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ’ เป็นการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเช่น ทางรถไฟ รถไฟฟ้า สนามบิน โรงไฟฟ้า และการขุดเจาะปิโตรเลียม เป็นต้น
ทั้งนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าการปรับปรุงบัญชีท้าย 3 พ.ร.บ ต่างด้าวฯ ในธุรกิจดังกล่าว จะเกิดโอกาสสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนจากผู้ประกอบการต่างชาติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนานวัตกรรมการบริการ เสริมให้ไทยก้าวไปเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วยลักษณะของชัยภูมิที่เหนือกว่าประเทศอื่น ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพของไทยทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ที่พร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงการค้าของตลาดอาเซียนรองรับประชากรที่มีมากกว่า 600 ล้านคน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี