
ร้านอาหารมื้อดึกแห่งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นร้านในตำนาน เปิดบริการเมื่อปี 1947 หรือหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติไม่นาน คุณทวดมิซาโกะซึ่งสูญเสียน้องชายจากระเบิดปรมณูที่นางาซากิ ได้ช่วยเหลือครอบครัวในการบริหารร้านที่ตอนนั้นจำหน่ายแค่ผักกับผลไม้ แต่หลังสงครามโลกเป็นห้วงเวลาที่ชาวเมืองซาเซโบะ (รวมถึงชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ) อยู่ในช่วงของการบูรณะเมืองทำให้ทุกคนต้องทำงานหนักทั้งวันและคืนเพื่อฟื้นประเทศ คุณทวดซึ่งอยู่ในวัยต้น 20 จึงเปลี่ยนร้านขายผักผลไม้เป็นร้านอาหารที่บริการตลอด 24 ชม.เพื่อให้บริการแก่คนที่ทำงานยามกลางคืน
เมืองซาเซโบะเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือญี่ปุ่น และภายหลังสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพด้วย แต่ปัจจุบันแทบไม่เหลือร่องรอยของทหารอเมริกัน แต่ร้านอาหารของคุณทวดมิซาโกะก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม แม้อายุจะล่วงเข้า 91 ปี แต่คุณทวดยังมาทำงานที่ร้านทุกคืนไม่เคยขาด นอกจากจะเสิร์ฟอาหารร้อนปรุงใหม่ ๆ คุณทวดยังทำตัวเป็นศิราณีรับฟังปัญหาจิปาถะจากลูกค้า และคอยปลอบประโลม ให้กำลังใจด้วยถ้อยคำดี ๆ ลูกค้าบางคนไม่ได้รู้สึกหิว แต่แวะมาเพราะทะเลาะกับคนในครอบครัวแล้วไม่สบายใจ ก็มาระบายกับคุณทวด ความเมตตาห่วงใยบวกกับคำพูดอันอ่อนโยนของคุณทวดเคยทำให้ลูกค้าบางคนถึงกับบ่อน้ำตาแตกมาแล้ว
ชีวิตส่วนตัวของคุณทวดมิซาโกะ เป็นโสด ไม่เคยผ่านการแต่งงาน ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัว คุณทวดเล่าว่าตอนสาว ๆ มีคนมาขอแต่งงานเยอะ แต่คุณทวดปฏิเสธเพราะรู้ว่าหากแต่งงานไปจะกระทบต่อการทำธุรกิจร้านอาหาร คุณทวดบอกว่า “ชีวิตนี้มีแต่งาน เป็นงานที่รักจึงหยุดทำไม่ได้ ที่ผ่านมาเจอลูกค้ามากมายที่แวะเวียนมาบอกเล่าทั้งความสุขและความทุกข์ คนไหนไม่มีความสุขก็ให้กำลังใจไป”
ร้านอาหารของคุณทวดมิซาโกะไม่เพียงแต่เสิร์ฟอาหารที่ปรุงจากใจ หากยังมีของแถมคือกำลังใจเต็มเปี่ยม ไม่แปลกที่จะมีลูกค้าแวะมาไม่ขาดสายเพราะนอกจากอิ่มท้อง ยังได้พลังใจให้สู้ชีวิตกลับไปอีกด้วย ในโลกนี้จะมีร้านอาหารแบบนี้สักกี่แห่ง นี่คือตัวอย่างของการทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ
ที่มา www3.nhk.or.jp
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี