Hopewear รองเท้าสุขภาพเพื่อผู้ใหญ่วัยเก๋า



 

เรื่อง : ยุวดี ศรีภุมมา
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย



    เมื่อประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค Aging Society ประชากรผู้สูงวัยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นคล้ายกับประเทศญี่ปุ่นที่กำลังเผชิญในปัจจุบัน หลายสิ่งหลายอย่างในสังคมคงต้องปรับตัวให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ 

นับได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะหันมาพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุในยุคนี้ อีกหนึ่งสินค้าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อรองรับ และแก้ไขปัญหาที่ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่มักต้องเผชิญ นั่นคือ Hopewear รองเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ 


    ณัฐพจน์ อัฒนวานิช เจ้าของแบรนด์ Hopewear ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของรองเท้าเพื่อสุขภาพแบรนด์นี้ ที่เริ่มต้นมาจากโปรเจ็กต์จบการศึกษาของเพื่อนเขาที่ชื่อว่า วลัยพร เจริญศักดิ์ ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันพัฒนาและส่งต่อให้ณัฐพจน์เป็นผู้ดูแล Hopewear อย่างเต็มตัว


 


    “เริ่มต้นมาจากเพื่อนได้ทำโปรเจ็กต์จบการศึกษา เขาเป็นนักออกแบบและต้องการจะทำสินค้าขึ้นมาอย่างหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม จึงได้ไปค้นคว้าและพบว่าผู้สูงอายุไทยมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์มีปัญหาของเท้าผิดรูปเมื่อถึงอายุ 60 ปีขึ้นไป ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการเดิน การยืนของผู้สูงอายุจะทำให้เกิดการเจ็บปวด ทำงานและใช้ชีวิตลำบาก โดยมี 2 ลักษณะคือ 1.เท้าแบน อุ้งเท้าที่โค้งๆ จะแบนเพราะเดินบนพื้นแข็งเป็นระยะเวลานานหลายปี กับ 2.กระดูกงอ กระดูกข้อตรงนิ้วหัวแม่เท้าหรือนิ้วก้อยงอ กระดูกนูนออกมา ถ้าใส่รองเท้าทั่วไปจะเสียดสีทำให้เจ็บ หลังจากนั้นก็ได้นำแนวคิดของ Hopewear เข้า 2 โครงการที่เกี่ยวกับกิจการสังคม คือ 1.โครงการ UNLTD Thailand เป็นโครงการแรกที่เข้า เขาให้ทุนเรามาเพื่อพัฒนาต้นแบบ ส่วนอีกโครงการคือ โครงการบ้านปู เราได้ทุนมาเริ่มพัฒนาให้สามารถขายได้จริง เราเริ่มขายและทำสินค้าออกสู่ตลาดตั้งแต่ตอนนั้น”



 

    รองเท้าเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุของ Hopewear ได้รับการพัฒนาและปรับรูปแบบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้สวมใส่ได้รับความสบายมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการลดความเจ็บปวดและชะลออาการเท้าผิดรูปได้อีกด้วย 


    “เรามีการค้นคว้า อ่าน Research เยอะมากดูว่าจะแก้ไขและปรับรองเท้าอย่างไรเพื่อรองรับลักษณะที่ผู้สูงอายุเป็นกันเยอะๆ รองเท้าเพื่อสุขภาพในตลาดอาจจะมีหลายแบรนด์ เช่น เพื่อคนท้อง คนทำงาน แต่ของเราจะเน้นเรื่องของอาการเท้าผิดรูป หาสัดส่วนของเท้าที่เหมาะสม พัฒนาในส่วนรองอุ้งเท้าเพื่อชะลอการแบนของฝ่าเท้าหรือคนที่มีอาการรองช้ำ เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ จะได้มีแผ่นรองรับความเจ็บปวด วัสดุที่ใช้เราพยายามเลือกที่มีในเมืองไทย คุณสมบัติของวัสดุจะช่วยรับแรงกระแทก มีความยืดหยุ่นและระบายอากาศ มีแผ่นยางพาราใต้รองเท้ากันลื่น หัวรองเท้าจะกว้างเพื่อคนที่มีกระดูกงอจะได้ไม่เสียดสี ไม่มีส่วนทำให้เท้าผิดรูปมากขึ้น ระหว่างที่เราพัฒนาต้นแบบก็ได้มีการพูดคุย ปรึกษากับนักวิจัย แพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลกรุงเทพ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเท้าจากออสเตรเลีย เราปรับไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้ที่ใส่ ใส่แล้วสบายมากที่สุด”

 

    สำหรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ Hopewear มีการดำเนินการแบบ Social Enterprise หรือกิจการเพื่อสังคม โดยมีโมเดลที่น่าสนใจเป็นอย่างมากนั่นคือ One For One ซื้อหนึ่งคู่มอบให้หนึ่งคู่ 


    “เราทำในรูปแบบ Social Enterprise อยากให้รองเท้าของเราช่วยแก้ไขปัญหาในสังคมและแก้ไขปัญหาของผู้สูงอายุที่เขาแก่แล้วแต่ยังต้องทำงาน ต้องใช้ชีวิต ถ้าเท้าเจ็บปวดก็จะทำให้ทำงานได้ยากลำบาก ถ้ามีรองเท้าแบบนี้จะทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ออกไปทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ เขาเลี้ยงดูตัวเองได้ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระต่อสังคม ทำให้เขามีพลังทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยเราใช้โมเดล One For One เพราะเรารู้สึกว่าโมเดลนี้มันมี Impact คนซื้อหนึ่งคู่ได้บริจาคหนึ่งคู่ สร้างพลังมากพอในการแก้ปัญหา"
 

   "นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจรูปแบบ Social Enterprise ยังช่วยเราในเรื่องของความรู้สึก เราทำงานแล้วก็มีพลังที่จะทำต่อไป ได้ช่วยเหลือคนอื่น ทำอะไรดีๆ คืนสู่สังคม อีกอย่างคือช่วยในเรื่องของการได้รับความสนใจจากสื่อ จากลูกค้า ถ้าย้อนคิดไปตอนแรกถ้าเราไม่ได้ทำในรูปแบบนี้ เราอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการต่างๆ แต่แรก สื่ออาจจะไม่ได้สนใจเรา เราก็เป็นเพียงแบรนด์รองเท้าเกิดใหม่แบรนด์หนึ่ง แต่พอเป็นรูปแบบนี้มันมีแง่มุมในการนำเสนอ ช่วยให้ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น”


    กลุ่มลูกค้าของ Hopewear นอกจากที่จะมีกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว รองเท้า Hopewear ยังมีลูกค้ากลุ่มอื่นให้ความสนใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากปัญหาของเท้า หากได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะดีกว่าการมาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ 
 

    “ลูกค้าจะมี 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มลูกหลานที่มาซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ และกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาสนใจในสินค้าของเราเอง เราเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลัก มีออกงานที่รวมกิจการเพื่อสังคมบ้าง เช่น งานคนไทยขอมือหน่อย นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนวัยทำงาน วัยกลางคนก็มี คนที่ยืนเดินบ่อยๆ คนที่ต้องการดูแลสภาพเท้า โครงสร้าง ถ้าเราเริ่มต้นดูแลเท้าเร็วก็จะช่วยลดการเกิดปัญหาเท้าผิดรูปได้”

 


    ในอนาคต Hopewear กำลังมองช่องทางของการส่งออกรองเท้าสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุ ซึ่งน่าจะมีลักษณะเท้าและปัญหาคล้ายๆ กันกับประเทศไทย นอกจากนี้ ยังจะมีการเพิ่มความหลากหลายให้แก่รองเท้า จากเดิมที่เป็นรองเท้าสุขภาพที่ลำลอง ไว้ใส่ไปเที่ยวแต่กำลังจะเพิ่มในส่วนของรองเท้าสุขภาพเพื่อใส่ทำงานและรองเท้าแตะอีกด้วย 

 


Keys Success 

1.    เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ พยายามควบคุมสิ่งต่างๆ ให้อยู่ในมือและสามารถ Control มันได้ 
2.    พัฒนาธุรกิจของตัวเองให้เข้มแข็ง 
3.    สร้างพันธมิตรในการทำธุรกิจ สร้างคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือเราได้  

https://www.facebook.com/hopewear.product

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี



RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

กว่าจะเป็น สุขกับป๊อกกี้ ร้านลับ ชื่อเท่ เมืองสัตหีบ ที่ใครมาก็ต้องได้ความสุขกลับไป

“สุขกับป๊อกกี้” คาเฟ่ & ร้านอาหารชื่อแปลกหู อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่แค่ฟังก็รู้ว่าต้องเป็นพื้นที่แห่งความสุข

บ้านอยู่ดีมีความสุข เกาะสีชัง กับแนวคิดทำธุรกิจให้มีขยะน้อยที่สุด

เราไม่สามารถลดขยะให้เป็นศูนย์ได้ แต่สามารถลดให้น้อยลงได้ แค่ลองตั้ง Mindset ค่อยๆ ลงมือทำไปทีละนิด ไม่ว่าใครก็ทำได้ เหมือนกับ “บ้านอยู่ดีมีความสุข” ที่พักเล็กน่ารักบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ที่เริ่มต้นทำจากจุดเล็กๆ ไปทีละอย่าง

บ้านๆ น่านๆ ตำนานที่พัก+ห้องสมุด รายแรกของไทย ใช้สิ่งที่รักต่อยอดธุรกิจโตกว่าทศวรรษ

เพราะความรู้ ความบันเทิง ความรื่นรมย์ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ แต่มันอยู่ในชีวิตเราทุกรูปแบบ นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ "ชโลมใจ ชยพันธนาการ" (ครูต้อม) อดีตครูสอนวิชาภาษาไทยผันตัวมาเป็นเจ้าของที่พัก “บ้านๆ น่านๆ” ที่มีจุดขาย คือ มีห้องสมุดไว้สำหรับหนอนหนังสือเป็นรายแรกของไทย