เรื่อง : ยุวดี ศรีภุมมา
ภาพ : ชาคริต ยศสุวรรณ์ / Paintbar Bangkok
ทุกวันนี้ไม่ว่าใครต่างก็สรรหาธุรกิจเป็นของตัวเองกันแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นยุคใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มักอยากจะเปิดร้านกาแฟ หรือบาร์เป็นของตนเองเพราะดูแล้วน่าจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ได้ดีที่สุด แต่เมื่อบาร์ธรรมดา ใครๆ ก็สามารถเปิดได้ อีกทั้งยังเห็นบาร์เกิดขึ้นใหม่เต็มไปหมด ทำให้สองหนุ่มเพื่อนซี้ที่มีความฝันอยากจะเปิดบาร์ร่วมกัน ซึ่งบาร์ที่ว่านี้ไม่ใช่บาร์ธรรมดาๆ แต่เป็นบาร์ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่ Hangout ของคนรักศิลปะในชื่อ Paintbar Bangkok
จุดเริ่มต้นของ Paintbar เกิดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารระหว่างเพื่อนซี้ทั้งสอง นั่นคือ เมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ และ วริท บูลกุล ผู้ร่วมกันก่อตั้ง Paintbar สถานที่ Hangout แนวใหม่ให้เกิดขึ้นใจกลางกรุง โดยในครั้งนี้ เมฆรับหน้าที่เป็นตัวแทนในการถ่ายทอดเรื่องราวโดยเล่าให้ฟังว่า เพราะความที่อยากมีบาร์เป็นของตนเองอยู่แล้ว วันหนึ่งขณะนั่งรับประทานอาหารก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา จึงได้ร่วมกัน Brain Strom กับเพื่อน จนความคิดตกผลึกและลงตัวมาเป็น Paintbar ในที่สุด
“เราเริ่มต้นเปิดร้านจริงช่วงต้นปี 2558 ก่อนหน้าเราคิดไม่นาน พอเราตกลงกันว่าจะทำร้านที่มีคอนเซ็ปต์แบบนี้คือบาร์ที่ให้คนสามารถมาวาดรูป วาดรูปไป กินไป ดื่มไป น่าจะดี เพราะเรามองว่าบาร์ในกรุงเทพฯ มีเยอะมาก ถ้าเราไม่หาจุดเด่นของตัวเอง ก็อยู่ยาก เลยคิดว่าต้องหากิจกรรมบางอย่างใส่เข้ามาให้กลายเป็น Gimmick ผมกับเพื่อนเองก็ชอบงานศิลปะ เลยลองมารวมกันดูว่าจะเวิร์กไหม ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเวิร์ก คนไทยน่าจะชอบกิจกรรมแบบนี้ เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้เขา คนที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถเข้ามาวาดรูปได้ เพราะเราจะมีคนคอยช่วยไกด์ให้”
เมื่อความคิดลงตัว เมฆและวริทก็ได้เริ่มต้นลงมือจากการศึกษา หาข้อมูล ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้นในการเริ่มหาสถานที่จวบจนถึงศึกษากลุ่มลูกค้าในตลาด
“ผมให้ความสำคัญกับสถานที่มาก เรามา Positioning ที่ทองหล่อ เพราะว่าร้านของเราคอนเซ็ปต์ใหม่มาก กลัวคนจะเข้าไม่ถึงและทองหล่อก็เป็นโซนสำหรับ Nightlife อยู่แล้ว เขาจะได้รู้ว่าเราเป็นบาร์ที่มีการ Painting ไม่ใช่โรงเรียนสอนวาดภาพ นอกจากนี้ เราก็มีการคิดเรื่องของราคาด้วยการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง แต่ที่แน่ๆ ในประเทศไทยยังไม่มีบาร์ในลักษณะนี้มาก่อน เราก็เทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่างบาร์ หรือสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น ต่อยมวย กิจกรรม Indoor ดูว่าราคาในตลาดอยู่ที่ประมาณไหน กลุ่มลูกค้าคือใคร เราเข้าไปศึกษาในตลาด ดูว่าเราจะสามารถเจาะกลุ่มพวกเขาได้อย่างไร”
สำหรับกลุ่มลูกค้าของ Paintbar เมฆได้เล่าให้ฟังว่าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม First Jobber ซึ่งทาง Paintbar จะเน้นให้คนที่เข้ามาไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถวาดรูปออกมาให้สวยเหมือนมืออาชีพได้ภายในระยะเวลา 1.30-2 ชั่วโมง
“ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราจะเป็นคนวัยทำงานเริ่มต้น ตั้งแต่อายุ 20 ปีต้นๆ ไปจนถึง 30 กลางๆ ไม่ต้องเคยวาดรูปหรือจับพู่กันมาก่อนก็ได้ ไม่ต้องเป็น Artist แต่เป็นคนที่ต้องการหากิจกรรมใหม่ อยากลองอะไรที่ไม่เคยทำ อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อแชร์กับคนอื่น ได้มา Hangout กับเพื่อน ได้ถ่ายรูปลง Social Media เพราะกลุ่มลูกค้าของเราจะเป็นคนที่ใช้ Social Media เยอะ กลุ่มลูกค้าที่ชอบวาดรูปเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็มี เขาอาจจะวาดที่บ้านเบื่อแล้ว อยากมาเปลี่ยนที่ มาหา Inspiration ใหม่ๆ มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เราแปลกใจมาก นั่นคือชาวต่างชาติ ซึ่งมีเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ อาจเป็นเพราะว่าชาวต่างชาติเขารับเรื่องแบบนี้ได้ดี มีวัฒนธรรมเกี่ยวกับด้านศิลปะเยอะ เวลาเขามาเมืองไทย เขาก็อยากหาที่เที่ยวใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากวัดหรือสถานที่เที่ยวเดิมๆ ทำให้เรามีลูกค้าชาวต่างชาติพอสมควร”
รายละเอียดของ Paintbar จะมีการเปิดวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องจองเข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บไซต์เพื่อเป็นการ Booking ที่นั่ง โดยจะเปิดรอบละ 28 คน วันละ 2 รอบเท่านั้น
“เราจะแบ่งเป็นสองรอบต่อวันคือ 14.30-17.30 น. กับอีกรอบหนึ่งคือ 19.30-22.00 น. พื้นที่ในร้านเราค่อนข้างเล็กจึงต้องจำกัดจำนวนคน ลูกค้าจะสามารถเช็กดูตารางจากในหน้าเว็บได้ว่าวันนี้จะมีวาดรูปอะไร ถ้ายังไม่เต็มก็สามารถจองได้เลย รูปที่ใช้มาเป็นต้นแบบจะเป็นรูปประเภท วิว ทิวทัศน์ รูปที่มีชื่อเสียง อย่างของปิกัสโซ หรือรูปการ์ตูนดังๆ รวมไปถึงถ้ามีเทศกาลอะไรในเดือนนั้นเราก็จะใช้รูปให้เข้ากับช่วงนั้น จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกเดือน คนที่มาเราจะมีคุณครูเป็นคนคอยไกด์ เราจะไม่เรียกว่าสอนแต่จะเป็นการไกด์ให้มากกว่า เริ่มด้วย Canvas เปล่า แนะนำทีละขั้นตอนแล้วก็ปล่อยให้เขาวาด เราแค่ไกด์แล้วให้เขาใส่จินตนาการของเขาเอง ส่วนอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านจะเป็นสไตล์ Spanish คืออาหารจานเล็กที่เรียกว่า Tapas เพราะพื้นที่ของโต๊ะเรามีไม่เยอะ ถ้าใช้เป็นอาหารจานเล็กจะสะดวกกว่า สั่งเป็นจานๆ วาดไป กินไป ดื่มไป”
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ทั้งคู่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจของตนเองมาก่อน โดยเฉพาะธุรกิจสไตล์นี้ที่ต้องใช้ทักษะในการจัดการหลายอย่าง ทำให้พวกเขาก็พบเจอกับปัญหาและอุปสรรคเช่นกัน
“เราก็มีปัญหาบ้างเหมือนกัน เพราะเราสองคนใหม่มาก เราจะเจอกับรายละเอียดต่างๆ เช่น การจ้างพนักงาน คุมพนักงาน จ่ายเงินเดือน ทำบัญชี พวกระบบ Admin ตอนแรกเราก็สะดุด เราจึงตัดสินใจจ้าง Outsource ก็เป็นการลดเวลา เอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่เราถนัดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลา เพราะทั้งผมและวริทก็มีงานประจำ ช่วงแรกก็ค่อนข้างหนัก ไม่ได้นอนเลย เราเลยคิดว่าจะทำอย่างไรดี เราเลยพยายามวางระบบให้ลงตัว แบ่งหน้าที่พนักงานให้ชัดเจน แบ่งความรับผิดชอบ อย่างระบบต่างๆ ภายในร้านจะใช้เป็น Application ทุกคนมี ID ของตัวเอง ทำอะไรก็เข้าระบบหมด เราเองก็ไม่ต้องเข้าร้าน ลดเวลา ลดการใช้คน สะดวก พึ่งพาเทคโนโลยีเอา”
เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคตสำหรับ Paintbar เมฆกล่าวว่ายังไม่มีแผนขยายสาขาในเร็วๆ นี้ แต่จะมีการเพิ่ม Gimmick ให้กับร้านเดิมที่มีอยู่และพัฒนา ต่อยอดให้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
“ผมคิดว่าในอนาคต จากเดิมที่ Paintbar มีการวาดรูปบน Canvas อย่างเดียว อาจจะมีการเพิ่มการ Paint กระเป๋า กางเกง หรือทำ Workshop ที่เกี่ยวกับศิลปะ ที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการ Paint แล้วก็ได้ เช่น การปั้นดินเผา อะไรที่เป็นศิลปะที่คนสามารถทำได้ มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์และยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือการดื่ม ชิว และ Hangout”
Paintbar Bangkok ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่สามารถสร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากตลาดด้วยไอเดียสร้างสรรค์ ด้วยการเป็นบาร์รูปแบบใหม่ที่ผสานกับงานศิลปะ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะได้รับความสนุกสนานแล้ว ยังได้ผ่อนคลายจิตใจด้วยงานศิลปะ อีกทั้งยังสามารถนำงานศิลปะของตนเองกลับไปวางโชว์ที่บ้านได้อีกด้วย
Paintbar Bangkok
ชั้น 6 โครงการพิมาน 49
46/4 สุขุมวิท ซอย 49 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร. 08-1001-0849
http://paintbarbangkok.com
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี