​เหรียญทอง ลามิทิวบ์ เส้นทางความสำเร็จ สู่คุณภาพระดับโลก

 



เรื่อง กองบรรณาธิการ
ภาพ กฤษภา ศิลปไชย




    อย่างที่ทราบกันดีด้วยคุณภาพและฝีมือของผู้ผลิตไทยนั้น เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร จะเห็นได้จากแบรนด์ดังทั่วโลกที่เชื่อมั่นในศักยภาพและใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต เช่นเดียวกับผู้ผลิตหลอดลามิเนตอย่าง เหรียญทอง      ลามิทิวบ์ บริษัทในเครือกิมไป๊ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์และแพ็กเกจจิ้งรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ผลิตหลอดยาสีฟันและเพอร์ชันนอลแคร์ในกลุ่มหลอดลามิเนตให้กับแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย เช่น ยูนิลีเวอร์ พีแอนด์จี คอลเกต ฯลฯ ด้วยยอดการผลิตมากกว่า 1,500 ล้านหลอดต่อปีเลยทีเดียว

 

    จากการเปิดเผยของทายาทธุรกิจอย่าง สุรัชนี ลิ่มอติบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เหรียญทอง    ลามิทิวบ์ จำกัด ที่เข้ามารับช่วงกิจการต่อเล่าให้ฟังว่า สำหรับตลาดหลอดประเภทลามิเนตในประเทศไทยเวลานี้ ถือได้ว่าเหรียญทอง ลามิทิวบ์เป็นผู้ผลิตเพียงเจ้าเดียว โดยที่ไม่มีคู่แข่งในประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตหลอดดังกล่าวนี้ค่อนข้างลงทุนสูง อีกทั้งผู้ผลิตอื่นๆ ส่วนใหญ่ยังเน้นผลิตหลอดประเภทเอ็กซ์ทรูดมากกว่า ส่วนในระดับโลกเองก็ยังมีผู้ผลิตหลอดลามิเนตไม่มากนัก หากเป็นเจ้าใหญ่ที่มียอดการผลิตประมาณ 5,000-6,000 ล้านหลอดต่อปีจะมีอยู่ 2-3 รายเท่านั้น ในส่วนของกิมไป๊นั้นซึ่งมีการผลิตอยู่ที่ 1,500 ล้านหลอดต่อปี ถือว่าเป็นระดับมีเดียมไซส์ของโลก 

 

    “ตอนที่ตัดสินใจพัฒนาเป็นหลอดลามิเนตนั้น เริ่มมาจากคุณพ่อซึ่งเป็นคนก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา โดยก่อนหน้านี้จะทำหลอดยาสีฟัน ก็เป็นหลอดแบบอะลูมิเนียม ซึ่งหลอดประเภทนี้ไม่ค่อยมีเทคโนโลยีอะไรมาก ทุกที่ก็จะผลิตคล้ายๆ กัน  จึงเพิ่มมูลค่าไม่ค่อยได้ มาร์จินค่อนข้างต่ำ ด้วยความที่คุณพ่อเป็นคนที่พัฒนานวัตกรรมอยู่ตลอดเวลา จึงได้คิดค้นพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาทำเป็นหลอดลามิเนต ขณะเดียวกันก็คิดต่อยอดอีกว่า ทำไมไม่ลองผลิตหลอดที่ไม่ใช่ยาสีฟันดูบ้าง เพื่อจะเพิ่มมูลค่าได้ จนกระทั่ง 5-6 ปีที่แล้ว สามารถจะพัฒนาหลอดลามิเนตในกลุ่มเพอร์ชันนอลแคร์ขึ้นมาได้สำเร็จ”


 

    แม้ด้วยคุณสมบัติหลายๆ อย่างของหลอดลามิเนตจะทำออกมาแล้วสวยกว่าหลอดแบบเอ็กซ์ทรูด แต่จุดหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ายังไม่ชอบหลอดประเภทนี้ เนื่องจากการทำหลอดแบบลามิเนตนั้นจะทำเป็นแผ่นออกมาก่อน แล้วค่อยเชื่อมติดกันด้วยความร้อน จึงเกิดเป็นแนวตะเข็บขึ้นมา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี Invisible Side Seam นวัตกรรมที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเพื่อไม่ให้มองเห็นแนวตะเข็บ และได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเปลี่ยนจากการใช้หลอดเอ็กซ์ทรูดมาเป็นหลอดลามิเนตแทน  

 

    “หลอดของเราเมื่อเทียบกับหลอดเอ็กซ์ทรูด มีต้นทุนถูกกว่า อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ได้หลากหลายสวยงามมากกว่าด้วย เพราะหลอดเอ็กซ์ทรูดจะต้องพิมพ์ลงบนหลอด มันอาจจะเคลื่อนได้ แต่ของเราพิมพ์ลงบนแผ่นเว็บก่อน สามารถพิมพ์อะไรก็ได้ และที่สำคัญสุดการทำหลอดของเราเหมือนกับการทำแซนด์วิช คุณชอบเนื้อใส่เนื้อ ชอบหมูใส่หมู ชอบผักอะไร สามารถใส่ได้ตามที่ต้องการ นั่นคือจุดแข็งของเรามากๆ จากการที่เราสามารถผลิตแผ่นเว็บนี้ได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด คือลูกค้าอยากได้อะไร เราสามารถที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้”


 

    นอกเหนือจากเรื่องของนวัตกรรมที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจแล้ว การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ายังเป็นสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้นมาโดยตลอด ทั้งนี้ สุรัชนีเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า ด้วยความที่บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนา ฉะนั้นจะมีการทดลองสูตรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น และแน่นอนว่าย่อมต้องทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจได้ไม่ยาก และในอนาคตเรากำลังพัฒนาหลอดลามิเนตที่สามารถตอบโจทย์ตลาดผลิตภัณฑ์ย้อมผม เพื่อหวังจะขยายตลาดให้กว้างยิ่งขึ้นด้วย” 



 

    ด้วยความไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง บวกกับความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกๆ ด้าน เหล่านี้จึงกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจไทยรายนี้ ก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าในระดับโลก

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน