เรื่อง กองบรรณาธิการ
ภาพ กฤษฎา ศิลปไชย
กระแสของการปั่นจักรยานในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกระแสที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากการที่มี Cafe จักรยานเปิดตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีแบรนด์สินค้าที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาเพื่อตอบโจทย์นักปั่น โดยสินค้าเหล่านี้นอกจากจะรองรับการใช้งานแล้วยังมีการเพิ่มเรื่องของแฟชั่นเข้าไปด้วย หนึ่งในนั้นคือหมวกผ้าจักรยานจากแบรนด์ Plusone ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นแบรนด์หมวกผ้าจักรยานแบรนด์แรกๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดสินค้าจักรยานเลยทีเดียว
จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Plusone มาจากชายหนุ่มที่คลุกคลีอยู่ในงานศิลป์ และได้ตกหลุมรักในการปั่นจักรยานอย่าง ณรงค์ศักดิ์ พรหมมาลา แถมยังซึมซับธุรกิจการตัดเย็บแบบ Tailor Made มาจากรุ่นคุณพ่อ จนได้เห็นช่องว่างของตลาดนำมาต่อยอดกลายเป็นธุรกิจที่สร้างสรรค์ดังกล่าว
“ผมเริ่มต้นปั่นจักรยานกับรุ่นพี่ที่เรียนศิลปะด้วยกันมาตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ 10 กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นเทรนด์จักรยานยังไม่บูมมาก พอมาช่วงหนึ่งผมอยากได้หมวกจักรยานแบบในสมัยก่อนที่นักแข่ง Tour De Franceใส่กัน เป็นหมวกผ้าและสกรีนโลโก้ของสปอนเซอร์ ผมหาซื้อแต่ไม่มี เลยลองดีไซน์และปรึกษาคุณพ่อดูว่าแบบนี้เย็บได้ไหม และลองเย็บออกมา เมื่อก่อนเราใส่หมวกแก๊ปปั่น แต่ว่ามันแข็งทำให้เวลาปั่นแล้วหลุดหายบ่อย แต่พอเป็นหมวกแบบนี้จะมีขนาดที่พอดี เวลาปั่นแล้วไม่หลุดแถมยังมีฟังก์ชันที่เหมาะกับการปั่นจักรยาน”
สิ่งที่ทำให้หมวกจักรยานของ Plusone ถูกใจนักปั่นนั่นคือ ฟังชันที่มาพร้อมกับแฟชั่น ทำให้การปั่นจักรยานไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป นอกจากนี้ หมวกจักรยานผ้าสไตล์ Plusone ยังช่วยเสริมลุกส์ให้แก่ผู้ใส่ดูเท่ เก๋ และไม่เหมือนใคร
“เราเริ่มต้นจากการศึกษาหมวกลักษณะนี้จากเมืองนอก หามิติที่เหมาะกับเราเอง ขนาดที่เหมาะกับคนไทย มีฟังก์ชันที่รัดข้างหลังทำให้ใส่พอดี ไม่หลุด ถ้าเป็น Collection เราจะทำขนาดฟรีไซส์ แต่ถ้าเป็นงาน Custom ลูกค้าออกแบบเองก็จะวัดขนาดให้พอดีกับเขาเลย นอกจากนี้ ปีกหมวกด้านหน้ายังมีองศาที่บังแดดได้พอดี พอไม่มีแดดก็พับขึ้นลู่ลมได้ ไม่ปลิวหลุด ถ้าแดดมาทางด้านหลังก็หันปีกหมวกไปทางด้านหลังจะบังต้นคอได้พอดี นอกจากนี้ ยังสามารถทำให้หมวกเป็นแบรนดิ้งได้ ด้วยการสกรีนชื่อทีม ใส่โลโก้สำหรับกลุ่มใหญ่ๆ”
ความน่าสนใจของ Plusone นั่นคือ เรื่องราวที่ถูกผสมผสาน ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์และเย็บขึ้นมาอย่างประณีตทีละใบ อีกทั้งยังมีคุณค่าจากการสืบทอดฝีไม้ลายมือการเย็บจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทำให้หมวกในแต่ละใบของ Plusone นอกจากจะสวยงามแล้วยังเต็มไปด้วยความตั้งใจของผู้เย็บสู่ผู้ใส่อีกต่างหาก
“หมวกในแต่ละ Collection ของ Plusone ผมจะพยายามแฝงเรื่องราวลงไป อย่างเช่น Collage Collection Style มีแรงบันดาลใจจากในฤดูใบไม้ผลิ ที่อะไรก็เริ่มจะเบ่งบาน เน้นการตัด ปะ แปะ ผมพยายามหาแรงบันดาลใจจากสภาพแวดล้อม สังคม การเมือง เหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่เราอยากแสดงออกมา บางคนก็สนใจเรื่องราว ซื้อเพราะเรื่องราวที่อยู่บนหมวก อย่างผมกับพ่อทำหมวกขึ้นมาร่วมกัน ผมรู้สึกว่าทำให้คนเห็นคุณค่าของงานมากขึ้น เป็นการเรียนรู้รากเหง้าของพ่อ สืบทอดต่อไป เป็นการสร้างคุณค่าให้แบรนด์ ผมว่าทำให้แบรนด์แข็งแกร่งกว่าการตามกระแส”
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ Plusone คือกลุ่มนักปั่นที่ชื่นชอบการแต่งตัว แฟชั่น โดยกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกเริ่มมาจากเพื่อนในวงการศิลปะที่ชอบปั่นจักรยาน โดยคนกลุ่มนี้จะชื่นชอบสินค้าที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ผมรู้สึกว่าคนที่ปั่นจักรยาน นอกจากที่จะคิดเรื่องสุขภาพแล้วยังต้องคำนึงถึงออพชั่น การแต่งตัว เขาจะห่วงลุกส์ตัวเอง จะมีพร็อพ หมวกของเราจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้พอดี แต่ก็มีลูกค้ากลุ่มอื่นเหมือนกัน
อย่างคนที่เล่นกีฬาอื่นก็มาซื้อ เล่นกอล์ฟหรือวิ่ง บางคนก็ซื้อไปเป็นของขวัญ ล่าสุดมีมาสั่งให้ปักชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว ไปเป็นของขวัญวันแต่งงาน บางคนก็ซื้อเพราะเรื่องราวบนหมวก ไว้ใส่ไปเที่ยวก็มี พอเราทำให้สินค้าเป็นแฟชั่นก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้น จากตอนแรกที่เราตั้งไว้แค่เป็นหมวกจักรยานอย่างเดียว”
เมื่อการออกกำลังกายถูกมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อแต่พอเติมสีสันให้แก่การแต่งตัว ทำให้คนอยากหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างที่ Plusoneได้จับเอาความแตกต่างในตลาดใส่เรื่องราวและสิ่งที่รักลงไปในหมวกแต่ละใบที่ทำออกมา ทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้และมองเห็นคุณค่าของสินค้าจนกลายเป็นความผูกพันระหว่างแบรนด์และกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี