เรื่อง : ธีรนาฎ มีนุ่น
ภาพ : พิเชษฐ์ วิไลพิชญ์
หากลองสืบสาวราวเรื่องบรรดาธุรกิจที่ยกขบวนประกาศความสำเร็จ คงพอจับประเด็นได้ว่า การทำปฏิกิริยาเคมีระหว่าง “ความชำนาญ” และ “ความแตกต่าง” ก่อให้เกิดแรงดันอันทรงประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างสวยงาม ซึ่งไม่ว่าจะทำสิ่งใด หากยืนอยู่บนพื้นฐานของการรู้ลึกและรู้จริง จะช่วยเสริมสร้างให้รากฐานมีความมั่นคงแข็งแรง โดยการใส่ความแตกต่างคือตัวแปรสู่การต่อยอดความสำเร็จอย่างโดดเด่น และยั่งยืน
“การจัดท่านอน คือเครื่องมือสำคัญของนักกายภาพบำบัด เวลาต้องจัดท่านอนให้กับผู้ป่วย หรือคนทั่วไป จำต้องใช้หมอนเล็กๆ หลายใบวางเรียงกันตามจุดรองรับของสรีระเพื่อให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง ซึ่งผมอยากนำเรื่องนี้มาใช้กับคนใกล้ตัวบ้าง เพราะหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย การได้นอนในท่าที่ถูกต้องจะทำให้ร่างกายได้รับการผ่อนคลาย และเสริมสร้างพลังใหม่ๆ แต่หากต้องใช้หมอนหลายใบคงดูเป็นเรื่องยุ่งยาก ตอนนั้นผมจึงลองเอาหมอนใบเล็กๆ หลายใบมาเชื่อมต่อกันได้เป็นโครงร่างหมอนใบใหญ่ ก็เลยลองทำออกมาใช้ดู”
คำบอกเล่าถึงความปรารถนาในครั้งนั้น คือจุดเริ่มต้นของ “หมอนจัดท่านอนเพื่อสุขภาพ” แบรนด์น้องใหม่ในชื่อ Mr. BIG ภายใต้การนำพาของ “ชวกิจ เก้าเอี้ยน” ผู้เลือกเดินตามรอยทางความสำเร็จ โดยใช้แรงผลักดันของความชำนาญ กับความแตกต่าง เป็นสูตรในการดำเนินธุรกิจ เขานำพื้นฐานความรู้ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยมหิดล และประสบการณ์ในการเป็นนักกายภาพบำบัดมาสร้างจุดแข็ง พร้อมทั้งใส่ความแตกต่าง ด้วยดีไซน์รูปทรงแปลกใหม่อันเต็มไปด้วยแนวคิด เพื่อรองรับสรีระครบทุกสัดส่วนที่จำเป็น
“แนวคิดของผมคือ การเชื่อมหมอนหลายๆ ใบออกมาเป็นใบใหญ่ใบเดียวซึ่งสามารถช่วยจัดท่านอนให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องได้ โดยความยาวและสัดส่วนของหมอนทุกแบบ ผมคำนวณจากระยะสัดส่วนเฉลี่ยของร่างกายมนุษย์ เรียกว่า Anthropometry เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ได้ในขนาดเดียวกัน เพราะจุดรองรับและแนวกระดูกสันหลังของแต่ละคนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“ส่วนในเรื่องของการออกแบบให้เป็นตัวเลขและตัวอักษร ทั้ง “9” “7” และ “J” นั้น เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ มองแล้วจะรู้สึกสะดุดตามากกว่าหมอนธรรมดาทั่วไป ในขณะเดียวกันก็สามารถรองรับในสรีระที่จำเป็นได้เหมือนกันทั้งหมด ตั้งแต่คอ หลัง แขน ขา และช่วงท้อง เมื่อผู้นอนหลับไปแล้ว หมอนจะยังคงรองรับให้นอนได้ถูกท่า แม้ผู้นอนจะพลิกตัวไปมาก็ตาม นั่นคือจุดเด่นของเรา”
นักธุรกิจหนุ่มเล่าว่า หลังจากได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากทั้งคนใกล้ตัวและเพื่อนฝูง จึงเริ่มพัฒนาเข้าสู่ถนนสายธุรกิจแบบเต็มตัว ซึ่งแม้ว่าต่างประเทศจะมีหมอนใบใหญ่ออกมาจำหน่าย หากแต่เป็นการเน้นเพียงดีไซน์ ไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ ส่วนตัวเขากลับมองว่า “กายภาพบำบัดเป็นเรื่องใกล้ตัวกับทุกคน”
“ตอนนั้นมองว่าหมอนที่มีคุณสมบัติเหมือนเราหาซื้อไม่ได้ในเมืองไทย ส่วนของต่างประเทศก็มีจุดด้อย เลยหันมามองในเชิงธุรกิจอย่างจริงจัง โดยผมวางกลุ่มเป้าหมายไว้ 3 กลุ่มคือ คนสนใจสุขภาพ คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มใหญ่มาก กลุ่มที่สองคือ คุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องนอนในท่าถูกต้องเพื่อรองรับน้ำหนักจากครรภ์ ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มผู้ซื้อไปเป็นของฝากให้แก่ญาติผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ โดยเราจะได้รับความสนใจจากสองกลุ่มแรกเป็นอย่างมาก”
ทั้งนี้ การเติบโตของกระแสรักสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้โอกาสของ Mr. BIG ยิ่งดีขึ้นเป็นเงาตามตัว ชวกิจเปิดเผยว่า เริ่มมีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจ โดยเขาเองจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปทั้งเรื่องบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ อันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการขนส่งได้มากขึ้น รวมถึงต้องมีการปรับขนาดและความยาวของหมอน เพราะจำเป็นต้องมีการคำนวณสัดส่วนเฉลี่ยของร่างกายให้เหมาะสมสำหรับคนตะวันตกด้วย
“ความจริงแล้วธุรกิจหมอนมีการแข่งขันสูง แต่ส่วนมากจะแข่งกันเรื่องวัสดุ เช่น ยางพารา เมมโมรี โฟม หรือขนเป็ด ซึ่งต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แม้ของเราไม่ได้เน้นในส่วนนั้น แต่เราก็เลือกใช้ใยเกรดเอ เป็นใย Hollow conjugated silicone fiber ที่มีความนุ่มลื่น ดูแลทำความสะอาดง่าย โปร่ง และระบายอากาศได้ดี เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอ เพราะคอนเซ็ปต์ของเราไม่ใช่วัสดุ แต่เป็นท่านอน เราอาศัยความแตกต่าง และความเฉพาะตัวตรงนี้เป็นจุดแข็ง เพราะเรามีแนวคิดหลักๆ ว่าอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการนอน ขึ้นอยู่กับท่าทาง ไม่ใช่วัสดุแต่อย่างใด”
ที่สุดแล้ว หากรู้จักใช้ความชำนาญสร้างจุดแข็ง และเติมแต่งความแตกต่างเป็นจุดขาย รับรองไม่ว่ารายไหนก็รายนั้น สามารถทะยานสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น