ในวันนี้ กระแสของ “Travelism” กำลังหลั่งไหลเข้ามาสู่เมืองไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเห็นนักเดินทางฉายเดี่ยว เป็นคู่ หรือกลุ่มเล็กๆ เริ่มมีมากขึ้น ซึ่งถ้าเราลองมาไขถึงพฤติกรรมของ Travelism อย่างละเอียด จะพบว่า พฤติกรรมโดยพื้นฐานของพวกเขา ไม่นิยมเดินทางโดยผ่านกรุ๊ปทัวร์ใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นเพราะพวกเขามองว่าการเที่ยวแบบอาศัยการซื้อแพ็กเกจต่างๆ นั้น จะทำให้มนต์เสน่ห์ของการเดินทางที่คาดหวังต้องผิดเพี้ยนไป
และ ณ ขณะนี้ ในด้านธุรกิจก็เองก็เริ่มมีบริการที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทางเหล่านี้มากขึ้น โดยสมศักดิ์ บุญคำ” ชายหนุ่มผู้เห็นถึงเทรนด์ของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนก่อนใคร ได้ผุดธุรกิจ Local Alikeหรือแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ซึ่งลักษณะของการท่องเที่ยวที่เขาตั้งใจทำขึ้นมานั้น หัวใจสำคัญก็อยู่ที่ความตั้งใจให้ชาวบ้านได้รับเงินโดยตรงจากนักท่องเที่ยว โดยที่ไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์อย่างที่แล้วมา ซึ่งเงินที่ชาวบ้านได้รับไปก็จะมีส่วนนำไปพัฒนาชุมชนเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์เหล่า Travelism ยิ่งขึ้น
“ก่อนผมจะเริ่มต้นธุรกิจนี้ขึ้นมา เรามองเห็นโอกาสจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทยเฉลี่ยปีละ 22 ล้านคน ซึ่งจะมีนักเดินทางกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยไม่เน้นเที่ยวในลักษณะช้อป ชิม แชะ อย่างที่แล้วมา”
“ผมจึงผลักดันธุรกิจ Local Alike โดยมีคอนเซ็ปต์ที่เน้นซึมซับวิถีชีวิตของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการจับปลา เก็บใบชา หรือแม้แต่การเดินและนอนในป่าร่วมกับชุมชนนั้นอย่างแท้จริง ซึ่งถือว่า Unseen และตอบโจทย์ความต้องการของ Travelism เป็นอย่างมาก”
“ยกตัวอย่างเช่น ชุมชนบ้านสวนป่า จังหวัดเชียงราย ดำเนินการโดยชาวเขาเผ่าอาข่า ซึ่งจะมีกิจกรรมพานักท่องเที่ยวไปเดินป่า ปีนเขา ช่วยกันหาปลาเพื่อมาทำเป็นอาหารกลางวันกินกันในป่า พอตกเย็นก็จะมีกิจกรรมเต้นรำกับน้องอาข่า และเช้าวันต่อมาชาวบ้านก็จะพาไปเรียนรู้วิธีปลูกชา เก็บชา พอตกดึกก็กลางเต็นท์นอนบนไร่ชา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นวิวเชียงรายได้ทั้งเมือง เป็นต้น”
“ที่สำคัญสุดคือ พวกเขาสามารถมั่นใจได้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปนั้น จะถึงชุมชนและชาวบ้านมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เพื่อนำไปพัฒนาชุมชนต่อไป ซึ่งจะไม่เหมือนกับการเดินทางผ่านบริษัททัวร์บางแห่ง ที่ชาวบ้านจะได้รับส่วนแบ่งไม่ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”
ปัจจุบัน รูปแบบแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของ Local Alike จะเป็นในลักษณะ Social Enterprise โดยชุมชนที่ต้องการเข้าร่วมจะต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ซึ่งทีมงานของสมศักดิ์จะเป็นเสมือนโค้ชผู้ช่วยฝึกสอน และผลักดันแต่ละหมู่บ้านให้ได้ตามมาตรฐานของสถานที่ท่องเที่ยวแบบยั่งยืน หากชุมชนไหนที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว ก็จะนำแพ็กเกจทัวร์ขึ้นแพลตฟอร์มเว็บไซต์ LocalAlike.com
ถึงแม้การท่องเที่ยวรูปแบบนี้จะดูเป็นตลาดที่ Niche พอสมควร แต่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา Local Alike ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ และได้รับ Feedback ที่ดีตลอดมา
โดยในท้ายที่สุด สมศักดิ์ยังได้ฝากถึงผู้ประกอบการที่เล็งเห็นโอกาสจากนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว ถ้าหากสนใจที่จะเจาะตลาดกลุ่มนี้ แนวทางการทำธุรกิจในลักษณะ Sharing Economy ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ตอบโจทย์พวกเขาได้เช่นกัน
แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีคือ ความรักและความชื่นชอบในตัวธุรกิจ เมื่อมีแรงบันดาลใจคอยเป็นกำลังขับเคลื่อนแล้ว การควานหาจุดเด่นเพื่อตอบโจทย์นักเดินทางรุ่นใหม่ ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล
www.smethailandclub.com
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)