เรื่อง : นิธิดา วงศาโรจน์
ภาพ : MyBagCabinet
“Collboration” เป็นลักษณะของการร่วมมือกันทางธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินกิจการคนละประเภท โดยที่แต่ละฝ่ายจะนำเอาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเองมาช่วยกันสร้างสรรค์สินค้าหรือประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อต่อยอดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากกว่าที่จะทำเองโดยลำพัง
โมเดลหนึ่งที่น่าสนใจ เกิดขึ้นระหว่าง ธุรกิจสปากระเป๋า แบรนด์ MyBagSpa Thailand กับพาร์ตเนอร์ฝีมือดีอย่าง McMichael แบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรูที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังระดับโลกมากว่า 20 ปี ทั้งคู่ได้จับมือกันเพื่อต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่ ภายใต้แบรนด์ MyBagCabinet
เส้นทางของ MyBagCabinet เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “รณันธร พลชาติ” เจ้าแม่ธุรกิจสปากระเป๋าแบรนด์ MyBagSpa Thailand ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการ Luxury มากว่า 4 ปี มองเห็นช่องว่างบางอย่างทางธุรกิจ ซึ่งเกิดจากปัญหาในการเก็บรักษาสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนมต่างๆ และโอกาสพบกับ พงษ์พิทักษ์ วงษ์ดีไทย กรรมการบริหารด้านผลิตภัณฑ์และการออกแบบ บริษัท โปรมาร์เก็ตติ้ง โฮม แอนด์ เด็คคอร์ จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์ การแชร์ไอเดียร่วมกันจึงเกิดขึ้น และกลายเป็นจุดเริ่มของน MyBagCabinet ในที่สุด
รณันธร เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ MyBagCabinet ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถือกำเนิดขึ้น เพื่อตอบโจทย์หนุ่มสาวคอกระเป๋าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ ด้วยที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มักมีวิธีดูแลรักษาสินค้าที่ไม่ถูกต้อง จนกระเป๋าหนังทั้งหลุดร่อนและแตกลาย บ้างก็เก็บใส่ตู้ไว้ตลอดจนทำให้กระเป๋าหนังเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
โดยเฉพาะเคสหลังนี้เจอบ่อยมาก หรือยิ่งไปกว่านั้น สาวๆ ที่รักกระเป๋าบางรายก็ยอมลงทุนที่จะซื้อตู้โชว์มาใส่สินค้า พร้อมทั้งเปิดแอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิห้อง แต่ก็ไม่วายสุ่มเสี่ยงต่อการโดนคนอื่นแอบหยิบไปใช้ ปัญหาเหล่านี้จึงกลายเป็นไอเดียในการแตกไลน์แบรนด์ใหม่ออกมาทำตลาด
ขณะเดียวกัน ในมุมของพงษ์พิทักษ์ บอกว่า MyBagCabinet นั้นถือเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกของโลก ที่ใช้เวลาทดลองผลิตภัณฑ์นานกว่า 6 เดือน ซึ่งนอกจากฟังก์ชันภายในจะสามารถรักษาสินค้าแบรนด์เนมให้มีอายุการใช้งานที่เหมาะสมแล้ว ยังได้รับการออกแบบให้มีความสวยงาม ดูหรูหรา และสามารถตั้งโชว์กระเป๋าใบเก่งไว้ในบ้านได้อย่างลงตัว
“จุดเด่นหลักๆ ของตู้ใบนี้ คือ ความเป็นมัลติฟังก์ชัน โดยภายในตู้จะมีเกณฑ์วัดความชื้น มีตัวควบคุมอุณหภูมิต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมกับมีกุญแจล็อก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่กระเป๋าใบโปรดภายในตู้ จึงช่วยประหยัด และค่าใช้จ่ายจากการดูแลและซ่อมแซมกระเป๋าได้อีกมากเลยทีเดียว”
ไม่เพียงเฉพาะคุณสมบัติเท่านั้น เรื่องของดีไซน์ก็ออกแบบมาให้เข้ากันด้วย โดยคอลเลกชั่นแรกที่ปล่อยออกมามี 3 สไตล์ด้วยกัน ได้แก่ Renee Bag Cabinet เป็นตู้ที่มีศิลปะของความเป็น Rococo เน้นความหรูหราคลาสสิก ใช้เทคนิคการทำสีไม้ให้ดูเคร่งขรึม พร้อมกับปัดไฮไลต์สีทองเน้นลายแกะสลัก
ต่อมาคือ Tiffany Bag Cabinet จากความเรียบง่ายสู่การสร้างสรรค์ในแบบที่เรียบหรู สื่อถึงความพิถีพิถันด้วยการใช้สีขาว
และสุดท้ายคือ Stella Bag Cabinet นำสไตล์ร่วมสมัยมาประยุกต์กับรายละเอียดของคิ้วโค้งเว้า พร้อมทั้งเน้นโทนสีน้ำตาลให้เด่นชัด”
ทั้งนี้ แผนการในอนาคตที่ทั้งสองแบรนด์ได้ตระเตรียมไว้ คือการขยายไลน์ของตู้ จากเดิมที่อาจโชว์ได้เฉพาะกระเป๋า ก็พัฒนาไปสู่เครื่องประดับรูปแบบอื่น เช่น รองเท้า นาฬิกา เข็มขัด หรือว่าหมวก เป็นต้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ Feedback ของลูกค้าในประเทศว่า จะให้ความสนใจมากน้อยเช่นไร
ส่วนตลาดต่างประเทศ ทั้งสองมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นแผนที่อาจจะต้องทิ้งช่วงไปอีกสัก 2-3 ปี เพราะว่า MyBagCabinet เป็นนวัตกรรมที่ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม แต่ละประเทศจะมีภูมิประเทศและอากาศที่แตกต่างกัน ดังนั้นการพัฒนาและออกแบบตู้แต่ละตัว จึงต้องใช้เวลาในการทดสอบอีกพอสมควร จึงจะสามารถไปเปิดตลาดได้
เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างสีสันให้แก่วงการตลาด Luxury เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ ซึ่งหากเปรียบว่าผู้ชายมีโรงเก็บรถหรูไว้ดูเล่น สาวๆ ก็คงจะต้องมีตู้เก๋ๆ เก็บกระเป๋าแบรนด์เนมไว้เชยชมเช่นกัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)