เรื่อง : นิธิดา วงศาโรจน์
ภาพ : กฤษฎา ศิลปไชย
เส้นทางเครื่องหนังในอดีตที่ผ่านมา เราคงคุ้นตากับภาพกลุ่มคนมีอายุที่กำลังหนีบกระเป๋าหนังไปทำงาน เรียกได้ว่าเป็น Accessory ประจำตัวสำหรับคนสูงวัยก็ว่าได้ แต่ทว่าความคุ้นชินเหล่านั้นกำลังจะเลือนหายไป เมื่อกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานหัวสมัยใหม่ ต่างหันมานิยมและหยิบจับเครื่องหนังไว้เป็นเครื่องประดับ และของใช้ข้างกายกันมากขึ้น เพราะนอกจากเสน่ห์ในตัวที่ชวนให้หลงใหลแล้ว ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาสินค้าให้สามารถสนองตอบด้านฟังก์ชัน อันสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของชาวกรุงทุกวันนี้อีกด้วย
จากพฤติกรรมความนิยมของผู้บริโภคที่มีสูงขึ้นนี้เอง จึงเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้เหล่าผู้ประกอบธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดย่อมต่างเข้ามารังสรรค์ผลงานเพื่อจับใจลูกค้า ทว่าด้วยการแข่งขันที่สูง การสร้างอัตลักษณ์ให้แก่
แบรนด์จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่เหล่าแบรนด์น้องใหม่ควรคำนึงถึงมากที่สุด เฉกเช่นเดียวกับ WASDU Leather ที่มีสองหนุ่ม เอ็ม-อรุณกร จิระเดชประไพ และ เอ็กซ์-สกล เสรีโรจนา เป็นผู้ปลุกปั้น ทั้งที่รู้ว่าเส้นทางของธุรกิจตัวนี้จะต้องลงแรงแข่งขันสูงขนาดไหน แต่ด้วยความรักที่มีต่อหนัง กอปรกับความเฉียบคมในการจับตลาดให้แปลกและแตกต่าง จึงทำให้เขาทั้งสองสามารถสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนรักหนัง ด้วยเวลาเพียงไม่นาน
“ผมทั้งสองคนมีความใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจส่วนตัวมานานแล้ว” เอ็กซ์เป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนา ก่อนจะเท้าความถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “ด้วยความที่ผมมีอาชีพหลักเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จึงทำให้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งได้ไปร้านหนังสือแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผมได้พบเข้ากับเชลฟ์หนังสือขนาดใหญ่ที่เกี่ยวกับเรื่องของการทำหนังแฮนด์เมดโดยเฉพาะ ซึ่งผมมีความสนใจในวัตถุดิบประเภทนี้อยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงตัดสินใจซื้อหนังสือกลับมาและเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ผมได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวเป็นครั้งแรก โดยมีเอ็มเป็นผู้เริ่มต้นลองผิดลองถูกร่วมกัน”
ทั้งคู่ไม่รอช้าที่จะเริ่มศึกษารูปแบบสินค้าในประเทศทันที ตั้งแต่การสำรวจสไตล์แบรนด์ใหญ่ในห้างหรู ไปจนถึงแบรนด์น้องใหม่ที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อมองหาช่องว่างที่จะสร้างความแตกต่าง
“หลังจากที่เรามีโอกาสดูรูปแบบสินค้าของหลายๆ แบรนด์ ก็ทำให้ทราบว่า สไตล์เครื่องประดับหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นหนังในกลุ่มแบรนด์ดัง มักจะมีราคาสูง สไตล์เนี้ยบและความประณีตของผลงานเรียกได้ว่าเพอร์เฟ็กต์ แต่ถ้าได้ศึกษาถึงชิ้นงานให้ละเอียดยิ่งขึ้น กลับพบว่ากว่าเครื่องหนังแต่ละชิ้นจะออกมาสวยงามได้ขนาดนี้ ต่างต้องผ่านกรรมวิธีที่ใช้เคมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการฟอก การอัด และการรีด ยิ่งไปกว่านั้น ของใช้อย่างกระเป๋าสตางค์ เมื่อเราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็จะพบว่าช่องใส่บัตร มักจะใช้หนังเย็บแค่ตรงส่วนขอบเท่านั้น แต่ช่องด้านในเขาจะใช้วัสดุเช่นผ้าแทน ดังนั้น เราจึงสบโอกาสที่จะหาความแตกต่าง โดยเลือกคีย์เวิร์ดของคำว่าหนังแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวสร้างความต่างประการแรกขึ้นมา
“ต่อจากนั้น เราก็ศึกษากลุ่มแบรนด์น้องใหม่ที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนมากดีไซน์จะเน้นที่ความสวยงามและน่ารัก ในราคาที่จับต้องได้เราจึงได้บทสรุปในแนวทางของ WASDU Leather โดยให้สไตล์หนังมีความดิบ ไม่ประดิษฐ์มากจนเสน่ห์ของหนังหายไป หากว่าซื้อหนังมา 1 ผืน เราก็จะตัดเย็บทันทีโดยไม่ต้องผ่านการอัดหรือว่ารีดให้บาง ซึ่งความดิบตรงนี้ ก็มาพร้อมกับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่คนรักหนังต้องชื่นชอบ และที่สำคัญคือการชูมนต์เสน่ห์ของความเป็นแฮนด์เมดเข้าไป เพราะหนังแต่ละผืนในตอนนั้นเราทั้งตัด เย็บ และตอกด้วยสองมือของเราเองทั้งหมด”
เมื่อหาจุดยืนให้แก่แบรนด์ได้แล้ว ทั้งสองก็เริ่มดั้นด้นออกหาวัตถุดิบด้วยตนเอง เรียกได้ว่างานนี้ นอกจากจะศึกษาเองเป็นอย่างดีแล้ว การเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้ WASDU Leather โดดเด่นด้วยคุณภาพที่วางใจได้ โดยในเรื่องนี้เอ็มจะเป็นผู้ฉายภาพให้เราได้เห็นกัน
“หลังจากที่ได้คาแร็กเตอร์ของสินค้าแล้ว เราทั้งสองก็เดินทางไปแหล่งขายหนังทันที ก่อนจะซื้อกลับมาพร้อมทดลองทำ จนกระทั่งได้ออกมาเป็นกระเป๋าสตางค์ที่เราเย็บขึ้นเอง ในขณะนั้นอาจจะดูเละเทะไปหน่อย แต่เราก็พยายามที่จะพัฒนาฝีมืออยู่ตลอด จนกระทั่งโปรดักต์ของเราเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็เลยลองนำไปแจกให้เพื่อนๆ ทดลองใช้ ผลปรากฏว่าทุกคนชื่นชอบ ดังนั้น เราจึงลองโพสต์ผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook ซึ่งผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะเริ่มมีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นจากรายบุคคลหรือแม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการทำสินค้าพรีเมียม เขาก็วางใจเลือกให้เราเป็นผู้ผลิตให้
“จากการเติบโตทางธุรกิจที่ค่อยๆ ขยับขยายมาสู่กลุ่มองค์กร ส่งผลให้เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน จากเดิมที่อาศัยการเย็บมือสำหรับสร้างสรรค์ผลงาน ก็ต้องหันมาใช้วิธีเย็บจักรแทน แต่ยังคงความเป็นแฮนด์เมดไว้เช่นเดิมเพราะเรายังต้องอาศัยคนในการประดิษฐ์สินค้าขึ้นมา ทีนี้เมื่อมาถึงส่วนรับจ้างผลิตตามออร์เดอร์ของกลุ่มองค์กร เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่สินค้าเปล่าๆ หากแต่เราต้องปั๊มแบรนด์ของเขาลงบนชิ้นงานด้วย ผมจึงต้องติดต่อหาซัพพลายเออร์เพื่อให้บริการในส่วนนี้ และเมื่อสเกลการทำงานขยาย การควบคุมก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน โดยพวกผมจะสลับกันแวะเวียนไปตรวจสอบสินค้าอยู่เสมอ เพราะถ้าหากว่าผิดพลาดขึ้นมา ปัญหาทุกอย่างจะตกมาอยู่ที่เราทันที ดังนั้น เราจึงใส่ใจในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก”
ปัจจุบัน WASDU Leather มีสินค้าหลักอยู่4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ ซองนามบัตร หรือซองใส่พาสปอร์ต ต่อมาคือกลุ่ม Accessory อย่างที่เก็บหูฟัง พวงกุญแจ หรือบัตรคล้องพนักงาน ส่วนที่สามคือสายคล้องกล้อง ด้วยความที่เทรนด์ของกล้องขนาดเล็กกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาวๆ พวกเธอเหล่านั้นจึงมองหาของประดับที่จะทำให้กล้องคู่ใจดูน่ารักขึ้น และสายคล้องหนังชิ้นนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว โดยกลุ่มสุดท้ายคือกระเป๋าถือที่เป็นหนังล้วน ซึ่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก โดยส่วนมากจะเป็นการสั่งผลิตตามลูกค้าต้องการเสียมากกว่า
พร้อมกันนี้ แผนการในอนาคตที่สองหนุ่มได้วางไว้คือ ความตั้งใจที่จะลงมาลุยแบรนด์ WASDU Leather อย่างจริงจัง เพราะ ณ ขณะนี้ทั้งคู่ยังทำเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น นอกจากนั้น ยังเตรียมแตกแบรนด์น้องใหม่อย่าง PASDU Bag หรือกระเป๋าสะพาย ที่มีการนำผ้าแคนวาสเข้ามามิกซ์ร่วมกันเพื่อให้ชิ้นงานดูซอฟต์ลง เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการหากระเป๋าสะพายเป็นของใช้คู่ใจซึ่งอีกไม่นาน เราคงได้เห็นทั้งสองแบรนด์โลดแล่นอยู่ในท้องตลาด และเป็นที่รู้จักของกลุ่มคนรักหนังมากกว่านี้อย่างแน่นอน
Facebook : www.facebook.com/wasduleather
Instagram : wasduleather
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)