ลีแอนนา อาร์เชอร์ CEO ตอน 9 ขวบ




 




Text :  วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์



    เคยไหมที่คิดทำอะไรบางอย่างแล้วไม่แน่ใจว่าผลออกมาจะสำเร็จหรือไม่ หรือสิ่งที่คิดทำถูกคัดค้านจากคนรอบข้างด้วยเหตุผล “ยังเด็กเกินไป” ประสบการณ์แบบนี้ ลีแอนนา อาร์เชอร์ สาวน้อยผิวสีวัย 19 จากนิวยอร์กได้เผชิญมาแล้ว ตอนอายุเพียง 8 ขวบ ลีแอนนาเคยแสดงเจตจำนงต่อพ่อกับแม่ว่า อยากทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม แต่ถูกทัดทานเพราะเธออายุยังน้อย อีกทั้งพ่อกับแม่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจใดๆ จึงไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ลีแอนนากลับเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง พออายุ 9 ขวบ เธอก็ก่อตั้งบริษัท Leanna’s Inc. ตั้งตนเป็น CEO และเริ่มจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ 


    ปัจจุบัน ธุรกิจของลีแอนนาเติบโตต่อเนื่องมีการขยายสายผลิตภัณฑ์จากครีมบำรุงผมไปยังผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและใบหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ความงามอื่นๆ รวมแล้วกว่า 10 ชนิด บริษัทของเธอซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำรายได้เกือบ 500,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปี สินค้าของเธอจำหน่ายใน 80 ประเทศทั่วโลก และไม่ได้เจาะเฉพาะกลุ่มคนผิวสี หากจำหน่ายแก่ลูกค้าทั่วไป หากไม่นับรวมตลาดอเมริกา ที่สร้างความประหลาดใจแก่ลีแอนนา คือ สิงคโปร์กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเธอ ช่องทางจำหน่ายหลักของผลิตภัณฑ์ลีแอนนาคือผ่านออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.leannashair.com รวมถึงร้านเสริมสวย และร้านจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ 


    ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน สิ่งที่จุดประกายความคิดในการทำธุรกิจของลีแอนนา คือ เธอมักจะได้รับคำชมเสมอว่าผมสวย มีน้ำหนัก ไม่ชี้ฟู นั่นเป็นเพราะคุณแม่เชื้อสายเฮติของเธอได้ทำครีมบำรุงผมใช้เอง ลีแอนนาเองก็ใช้มาแต่เด็ก ครีมที่ว่าใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด เป็นสูตรประจำตระกูลที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อมีหลายเสียงจากคนรอบข้างทั้งเพื่อนในโรงเรียน เพื่อนบ้าน กระทั่งคนที่เดินสวนกันสอบถามเกี่ยวกับครีมบำรุงผมดังกล่าว ลีแอนนาจึงแจกจ่ายครีมที่ว่าให้ไปลองใช้ ซึ่งปรากฏได้รับความพึงพอใจอย่างมาก เธอเริ่มมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ “ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากขายครีม หนูเชื่อว่ามันเป็นสินค้าทำเงินแน่นอน แต่ต้องทำยังไงให้พ่อกับแม่เห็นด้วยและสนับสนุน”


    หลังดั้นด้นเปิดบริษัทในปี 2548 ลีแอนนาก็จำหน่ายสินค้าเองโดยเริ่มจากคนใกล้ตัว ลูกค้ารายแรก คือ ป้าแท้ๆ ของเธอที่เพิ่งผ่านการทำเคมีบำบัด ทำให้ผมร่วง จึงต้องการครีมปลูกผม หลังจากที่ใช้ครีมของลีแอนนา 6 เดือน ก็เห็นผลดี แม้จะอายุน้อย ด้อยประสบการณ์ บริษัทที่เปิดมีพนักงานเพียง 8 คน แต่ลีแอนนาก็ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจในการเป็นทั้งผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และดูแลด้านการตลาด ในการผลิตสินค้าเพื่อความงามนี้ เธอได้กุนซือ คือ คุณย่าทวดคอยชี้แนะ และเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ 


    สินค้าของเธอติดตลาดอย่างรวดเร็วจากผลของการที่ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก เพราะช่วงนั้นเป็นเวลาที่สาวๆ ผิวสีในอเมริกาเริ่มหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งสินค้าของลีแอนนาตอบโจทย์ตรงนี้ เนื่องจากใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ แรกเริ่มลูกค้าเป็นกลุ่มคนในนิวยอร์ก ก่อนลามไปทั่วฝั่งตะวันออก ทั่วอเมริกา และโกอินเตอร์ในตลาดต่างประเทศ สินค้าของเธอยังได้แรงสนับสนุนจากนิตยสารเกี่ยวกับผม Hype Hair ของสหรัฐฯ อีกด้วย


    กิจวัตรของเธอยามเลิกเรียน คือ ทำการบ้านให้เสร็จ แล้วไปขลุกอยู่ห้องใต้ดินของบ้านซึ่งเธอใช้เป็นโรงงานเล็กๆ ในการผลิตสินค้า เพื่อเช็กออร์เดอร์ซึ่งรวมแล้วหลายร้อยออร์เดอร์ต่อสัปดาห์ แพ็กสินค้า และเตรียมจัดส่ง ถึงตอนนี้ คุณพ่อและคุณแม่ของเธอได้ลาออกจากงานประจำเพื่อมาช่วยลูกสาวโดยอยู่ในฐานะลูกจ้าง สิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง คือ ช่วงปลายปี 2551 ลีแอนนากลายเป็น CEO อายุน้อยสุด (13 ปี) ที่ได้รับเกียรติจาก Inc.com ผู้ผลิตนิตยสารธุรกิจให้เข้าร่วมการลั่นระฆังพร้อมผู้บริหารอายุน้อยคนอื่นๆ เพื่อเปิดตัวนิตยสาร Inc. 30 under 30 ที่ตลาดหุ้นแนสแด็ก เธอไปร่วมกิจกรรมนี้ในฐานะ America’s Coolest Young Entrepreneurs หรือผู้ประกอบการคนเก่งอายุไม่ถึง 30 


    ไม่เพียงแต่เป็นนักธุรกิจอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จจนได้รับความสนใจจากสื่อทุกแขนง ลีแอนนายังเป็นวิทยากรเดินสายบอกเล่าประสบการณ์ และให้กำลังใจคนที่อยากทำธุรกิจ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ครั้งหนึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ “พึงจดจำว่าทุกเรื่องราวความสำเร็จเริ่มต้นจากความฝัน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักกีฬา หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อย่ากลัวที่จะฝัน จุดไฟฝันให้ลุกโชนอยู่เสมอเพราะความฝันถือเป็นบันไดก้าวแรกไปสู่ความสำเร็จ” ลีแอนนายังยกคำคมของเดวิด ฟรอสต์ นักเขียนดังมาปฏิบัติ คือ “อย่าตั้งเป้าหมายที่ความสำเร็จ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ให้ทำในสิ่งที่รัก และเชื่อในสิ่งที่ทำ แล้วผลของความสำเร็จจะตามมาเอง”  


    นักธุรกิจก็เป็นแล้ว นักพูดก็ช่ำชองก็เป็นมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ อีกสิ่งหนึ่งที่ลีแอนนากำลังทำอยู่ คือ การเป็นผู้ให้ หลังจากที่กลับไปเยือนแผ่นดินเกิดของบรรพบุรุษ และได้เห็นสภาพแร้นแค้นของเด็กๆ ในเฮติ ลีแอนนาตัดสินใจตั้งมูลนิธิลีแอนนา อาร์เชอร์เพื่อช่วยเหลือ เช่น มอบทุนการศึกษา และจัดหาอาหารเด็กวันละ 200 คน สร้างเสริมสภาพแวดล้อมอันปลอดภัยแก่เด็ก วีรกรรมของเธอสร้างความประทับใจขนาดที่ประธานาธิบดีเฮติส่งเทียบเชิญให้เข้าพบเลยทีเดียว 


    หมวกอีกใบที่ลีแอนนาสวมอยู่ในขณะนี้ คือ การเป็นนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยลองไอร์แลนด์ ซึ่งเธอให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ส่วนเรื่องธุรกิจ แม้ธุรกิจจะอยู่ตัวแล้ว แต่เธอไม่หยุดแค่นั้น ยังกันงบส่วนหนึ่งให้งานวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตสินค้าใหม่ๆ สู่ตลาด จากที่คิดผลิตแค่ครีมบำรุงผมจำหน่าย ตอนนี้สินค้าเธอหลากหลายมากขึ้น มีทั้งแชมพู ครีมนวดผม โลชั่นทาผิว ครีมทามือ และมาสก์พอกหน้า เป้าหมายของลีแอนนา คือ การเจาะร้านค้าปลีกเพื่อขยายฐานลูกค้าทั่วโลก ภายใต้การดำเนินธุรกิจแบบ Slow but Sure หรือค่อยๆ เติบโตไม่เน้นการก้าวกระโดด เชื่อว่าสักวันหนึ่ง ลีแอนนาจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)



RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

tISI แบรนด์แฟชั่นย้อมสีธรรมชาติ ส่วนผสมลงตัวงานคราฟต์ไทยกับดีไซน์ร่วมสมัย ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะไปตั้งขายอยู่กลางกรุงปารีส

ปัญหาหนึ่งของงานคราฟต์ไทย ที่ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แม้จะเป็นงานทรงคุณค่า ก็คือ ไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้จริงอยู่ในชีวิตประจำวันได้ แต่อาจไม่ใช่กับ tISI (ธิซายด์) แบรนด์แฟชั่นไทยน้องใหม่ที่มองว่าไม่จำเป็นต้องอนุรักษ์ หากสิ่งนั้นเป็นที่ต้องการอยู่แล้ว

สานต่อตำนาน 70 ปี ทายาทรุ่น 3 ปัดฝุ่น รร.แสงทองเฮอริเทจ สู่แลนด์มาร์คใหม่แห่งนครพนม

เพราะความฝันที่จะสานต่อโรงแรมเก่าแก่ "แสงทอง" ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น กรรณิการ์ หนูห่วง ทายาทรุ่นที่ 3 จึงตัดสินใจกลับ จ.นครพนม เพื่อหวังฟื้นฟูโรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัว และโจทย์หินมากมาย

วิธีเปลี่ยนไอเดีย “ตัน” เป็น “มันส์” แบบ Matty Benedetto ยอดนักประดิษฐ์จอมกวน  

เพราะคำว่า “ไม่จำเป็น” ≠ “ไม่มีประโยชน์” ชิ้นงานแสนฮาของ Matty Benedetto “อัจฉริยะผู้ชั่วร้าย” จึงเป็นตัวอย่างชั้นดีให้กับผู้ประกอบการที่ตกอยู่ในอาการไอเดียตัน คิดอยากทำผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมได้ลองมาเรียนรู้กัน