ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากน้ำยางพารา นวัตกรรมที่มาจากผลงานวิจัยทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ กำลังเป็นสินค้าที่แปลกใหม่ในท้องตลาด ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรแล้ว ยังถือได้ว่าเป็นตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท เจเนซิส เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำเอาผลงานวิจัยทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ มาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ จนกลายเป็นนวัตกรรมของคนไทย ที่ประเทศอื่นยังไม่สามารถทำได้มาก่อน จึงทำให้บริษัทแห่งนี้ได้รับ รางวัลโดดเด่นด้านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยี ไปครอง
จากจุดเริ่มต้นที่ อรณิชชา ทานัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนซิส เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เล็งเห็นความสำคัญของงานวิจัยที่จะสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาสฟังข่าวสารงานวิจัยสารสกัด Hb จากน้ำยางพาราที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจเครื่องสำอางของ 3 มหาวิทยาลัย อันได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์) มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่วิจัยสารสกัดน้ำยางพารานี้มาอย่างต่อเนื่อง 8 ปี และยิ่งเมื่อเห็นว่างานวิจัยชิ้นนี้จะมีส่วนช่วยเหลือชาวสวนยางได้อีกทางหนึ่ง จึงไม่รีรอที่จะติดต่อและศึกษางานวิจัยตัวนี้อย่างจริงจัง
“ความที่เราเป็น OEM รับผลิตเครื่องสำอางอยู่ที่เชียงใหม่อยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีความพร้อมระดับหนึ่ง เมื่อเห็นว่างานวิจัยตัวนี้น่าสนใจเพราะเท่าที่สำรวจดูเป็นงานใหม่ ที่สำคัญคือ งานวิจัยนี้มีส่วนช่วยเศรษฐกิจชาวสวนยางพาราให้มีรายได้ที่ดีขึ้น มีที่จำหน่ายระบายน้ำยางพารามากขึ้น เพราะทางศูนย์ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์จะซื้อน้ำยางพารากับเจ้าของสวนยางพาราในราคาท้องตลาดและบวกเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการสกัดน้ำยางพาราจะใช้น้ำยาง 300 ลิตร เพื่อให้ได้สารสกัดยางพารา 1 กิโลกรัม”
ทั้งนี้ สารสกัด Hb จากน้ำยางพารามีองค์ประกอบของสารที่มีคุณค่าต่อผิวมากมาย โดยเฉพาะสารที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูสภาพผิวจากริ้วรอยฝ้า ลดความมัน การอักเสบของสิว และชะลอวัย ซึ่งด้วยความที่อรณิชชา ทำธุรกิจรับผลิตเครื่องสำอางอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อตัดสินใจซื้อสารสกัด Hb เพื่อนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีทีมวิจัยและพัฒนาประจำโรงงาน จึงได้เสริมตัว Active อื่นๆ มากขึ้น เช่น วิตามิน และสารสกัดรกวัวที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เป็นการสร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยตอนนี้สามารถพัฒนาและจัดจำหน่าย 2 ผลิตภัณฑ์ คือ ครีมบำรุงผิวหน้า และสบู่ ภายใต้แบรนด์ NAMI
“เครื่องสำอางเมืองไทยมีสารต้องห้ามอยู่มาก การที่เราหยิบงานวิจัยซึ่งมีผลรับรอง ถือเป็นการการันตีเรื่องความปลอดภัย และคุณค่าของสารสกัดที่ได้จริงๆ หลังจากที่เราได้สารสกัดมาแล้ว เราก็ต้องเอามาพัฒนา และทดลองหลายครั้งกว่าจะได้เป็นครีมบำรุงผิวตัวนี้ออกมา เพราะปกติสารสกัดนี้เมื่อทาหน้าจะรู้สึกร้อน เราก็พัฒนามาเรื่อยๆ จากเซรั่ม ซึ่งซึมเร็วแต่จะร้อนหน้า มาเป็นใช้เนื้อครีมไม่หนัก จนมาลงตัวที่ครีมเนื้อหนักถึงจะทำให้ความรู้สึกร้อนน้อยลง”
อย่างไรก็ดี เนื่องจากต้นทุนที่ค่อนข้างสูง อรณิชชาจึงวางกลุ่มเป้าหมายสำหรับครีมบำรุงผิวหน้าและสบู่ แบรนด์ NAMI ไว้ที่กลุ่มลูกค้าระดับกลางและบน โดยมีการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ แต่ขณะนี้จะเน้นที่ต่างประเทศมากกว่าเพราะเห็นโอกาสทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากเป็นสินค้าที่ใหม่ที่ประเทศอื่นยังไม่มี
“การเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทำจากสารสกัดจากน้ำยางพาราซึ่งคนไม่รู้จัก ทำให้การทำการตลาดค่อนข้างยาก แต่เราพยายามเผยแพร่ข้อมูลผลวิจัยควบคู่ไปด้วยเพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วก็เน้นให้มีการทดลองใช้จริงว่าแพ้หรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ที่เอาสินค้าเราไปทดลองก็จะกลับมาซื้อไปใช้จริง สำหรับการขายในประเทศเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นเราใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ส่วนการส่งออกเน้นประเทศในกลุ่มอาเซียน ตอนนี้กำลังเจรจากับหลายประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์” อรณิชชากล่าวถึงแนวทางการทำการตลาดต่อจากนี้ไป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)