Co-Working Space vs. Private Office อะไรเวิร์กกว่ากัน
Share:


ปรากฏการณ์ของ Co-Working Space ได้เข้ามาปฏิวัติวิถีการทำงานของคนนับล้านในขณะนี้ ไม่เพียงแต่จะเหมาะกับคนทำงานอิสระและ Startup เท่านั้น แต่หลายๆ บริษัทก็หันมาใช้รูปแบบการทำงานแบบนี้เช่นกัน หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นหรืออยากที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ลองมาดูว่าการทำงานแบบ Co-Working Space หรือ Private Office นั้นอะไรจะเวิร์กกว่ากัน
เริ่มต้นแค่เล็กๆ
ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการเดี่ยวหรือเป็นส่วนหนึ่งของทีมเล็กๆ การทำงานแบบ Co-Working Space ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการมีสถานที่ทำงานแบบเฉพาะ แม้ว่าการทำงานในรูปแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการทำงานจากบ้านหรือร้านกาแฟ จากการที่คุณต้องจ่ายค่าเช่าให้กับเจ้าของสถานที่รวมถึงค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าปรับปรุง ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ตหรือค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ แต่ข้อดีของการทำงานแบบ Co-Working Space อยู่ที่การมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานที่ให้คุณทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงหรือต้องทำสัญญาระยะยาว
เมื่อทีมขยาย
นอกจากนี้ การทำงานแบบ Co-Working Space นั้น ยังดีสำหรับคนหรือทีมที่กำลังเติบโต เพราะสามารถย้ายไปทำงานในที่ที่รองรับขนาดของทีมได้ โดยการทำงานในรูปแบบนี้นั้นไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยการเซ็นสัญญาเช่าระยะยาวและเจ้าของสถานที่ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าเจ้าของที่ให้เช่าออฟฟิศแบบทั่วไปอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม การจ่ายให้กับความยืดหยุ่นแบบนี้บางทีอาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นหรืออาจเป็นสิ่งที่บริษัทคุณจ่ายไม่ได้ ดังนั้น เมื่อทีมเริ่มมีคนมากจนเกินไปก็ถึงเวลาที่ต้องมานั่งประเมินแล้วว่าการย้ายไปทำงานในออฟฟิศส่วนตัว (Private Office) นั้นดีกับการเงินของบริษัทมากกว่าหรือไม่
ถ้าต้องรองรับลูกค้า
ข้อเสียอย่างหนึ่งของการทำงานแบบ Co-Working Space คือการที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งรอบตัวต่างๆ ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนำเสนองานกับลูกค้า และนี่ทำให้เห็นถึงข้อจำกัดของการทำงานในรูปแบบนี้ ดังนั้น หากทำธุรกิจที่ต้องพบลูกค้าแบบตัวต่อตัว ควรคิดให้ดีว่าการทำงานในรูปแบบไหนจะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและทำให้คุณได้งานมากกว่ากัน
ในทางปฏิบัติ การพบลูกค้าแบบส่วนตัวนั้นไม่ได้เป็นปัญหาเพราะ Co-Working Space ส่วนใหญ่จะมีการจัดห้องสำหรับประชุมไว้ให้กับสมาชิกอยู่แล้ว แต่ก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับ Co-Working Space ที่จะทำได้ดีเท่า Private Office เพราะลูกค้าอาจมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นความลับต่างๆ ทางธุรกิจ กล่าวคือ การทำงานในที่เปิดโล่งของ Co-Working Space นั้นไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องของการรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอย่างที่ Private Office ทำได้นั่นเอง ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกรูปแบบการทำงาน ลองถามตัวเองก่อนว่าคุณต้องพบลูกค้าบ่อยแค่ไหน แล้วดูถึงความเหมาะสมว่าการทำงานแบบไหนจะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของคุณได้มากกว่ากัน
แหล่งสร้างเครือข่าย
อีกหนึ่งข้อดีของการทำงานแบบ Co-Working Space สำหรับธุรกิจต่างๆ นั้นคือการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เพราะจะพบว่าคุณอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้ประกอบการรายอื่นๆ และทีมงานของพวกเขา และนี่ทำให้ Co-Working Space เป็นแหล่งของการสร้างเครือข่ายหรือ Networking นั่นเอง แต่ต้องไม่ลืมว่าการทำงานในรูปแบบนี้นั้นจะทำให้ไม่สามารถที่จะควบคุมปัจจัยแวดล้อมอย่างอื่นได้เหมือนกับการทำงานแบบ Private Office เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นคนสูญเสียสมาธิในการทำงานง่าย คุณต้องมีการตัดสินใจให้ดีว่าจะทำงานในสถานที่แบบไหน เพราะรูปแบบการทำงานนั้นๆสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและผลงานของคุณได้
หาคำตอบที่ใช่
ไม่ว่าการทำงานในรูปแบบไหนจะเหมาะกับคุณ อย่าลืมว่าการทำธุรกิจนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำเนินการของคุณเอง คิดให้ดีว่าคุณต้องการที่จะทำงานแบบไหนและอะไรที่เหมาะสมต่อการทำงานในแต่ละวันมากกว่ากัน โดยอาจพิจารณาจากเรื่องของความยืดหยุ่นในการทำงาน การสร้างความประทับใจให้ลูกค้าหรือสภาพแวดล้อมในการทำงาน
แต่อย่างไรก็ตาม บางทีคำตอบที่ได้อาจไม่ตายตัว อย่างในช่วงต้นคุณอาจเริ่มจากการทำงานแบบ Co-Working Space แต่เมื่อธุรกิจมีการเติบโตมากขึ้นก็ถือเป็นความสมเหตุสมผลที่จะย้ายไปตั้งสำนักงานใหญ่ใน Private Office ดังนั้นควรเปิดใจและประเมินตัวเองอยู่เสมอเพื่อหาคำตอบที่ใช่และทำให้มั่นใจได้ว่าคุณอยู่ในที่ที่เหมาะสม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Share:
Related Articles
เรเชล ดีรอรี กับยุทธการปั้น Fast Food ให้เป็น Super Food
เปิดยุทธการ Fast Food ให้เป็น Super Food ของ Daily Harvest ที่ทำให้กลายเป็นธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด
EVERYTHING EST OK เสื้อผ้าของสาว Seasonless ไม่ต้องตามเทรนด์ ก็ขายได้
ใครว่าแฟชั่นต้องตามเทรนด์! นันทพัทธ์ พนิตวรนันท์ ไม่คิดเช่นนั้นเพราะ EVERYTHING EST OK เสื้อผ้าของสาว Seasonless ไม่ต้องตามเทรนด์ กลับขายได้ขายดี
เรื่องเล่าจากผืนป่า ไอเดียสร้างเงินแสนจาก UNMELT
UNMELT หยิบสัตว์ป่ามาทำกระเป๋า ความลงตัวระหว่างความชอบและสิ่งที่สามารถสร้างรายได้ ของกรณิสา มงคลพรอุดม